ตอนที่ 16 จิตวิญญาณแห่งเมมโมเรียล

by thesolfaith

ความเดิมตอนที่แล้ว

ความเดิมตอนที่แล้ว

—«TheSolFaith»—

*ตึก ตึก ตึก*

“เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้นิ! จะตามฉันมาทำไม!?” เจนาเรียตะโกนถามโซเนทที่กำลังวิ่งตามมาข้างหลัง

*ตึก ตึก ตึก*

“นั่นน่ะสิ” โซเนทตอบ

“งั้นก็หยุดตามฉันซะสิ!”

“แล้วทำไมเธอต้องหนีด้วยละ? ไอ้ของในมือเธอคืออะไร? ทำไมถึงมีแต่คนแย่งชิงมัน แล้วทำไมแม้แต่คนเอเลฟธีเรียยังมาเอี่ยวด้วย?”

“..แฮ่ก*ตึก ตึก* เจนาเรียเริ่มวิ่งช้าลง “เอเลฟธีเรีย!? นี่คนเอเลฟธีเรียจะมาแย่งเดอะโซ… จะมาแย่งของของฉันทำไมเนี่ย!?”

*หมับ* โซเนทคว้าแขนของเจนาเรียได้ในที่สุด แล้วทั้งสองก็เริ่มชลอลงจนต้องหยุดยืนอยู่กับที่

“ทำไมต้องมาขวางฉันด้วย!?” เจนาเรียถามอย่างขุ่นเคืองใจ

“…” โซเนทมองไปที่ดวงตาสีเขียวๆ ของเจนาเรีย “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน … คงเป็นเพราะความเชื่อของคนเอเลฟธีเรียมั้ง”

“…”

“‘เกิดเป็นคนเอเลฟบ้านเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน’ ฉันเชื่อคำสอนนี้มาก แม้ว่าสมัยนี้คนจะไม่เชื่อกันแล้ว..”

“ปล่อยมือสิ!!” เจนาเรียตะคอกพลางสะบัดแขนเต็มที่ แต่ไม่เป็นผล

“ตาของเธอ.. ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรนะ… ทำไมถึงมีแต่คนจะแย่งกระเป๋านี่? แม้แต่คนในเสื้อคลุมที่มีพลังเอเลเมนท์นั่น”

“…”

โซเนทยังคงมองเจนาเรีย ขมวดคิ้ว “ฉันยังปล่อยเธอไม่ได้ จนกว่าเด็กชายเอเลฟธีเรียสองคนนั่นจะมา …ถึงเวลานั้นแล้วเราทุกคนค่อยมาจับเข่าคุยกันจะดีกว่านะ”

กรอดด! เธอไม่รู้เรื่องอะไร!! ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันใหญ่โตแค่ไหน อย่ามาทำเป็นแนะนำเลยดีกว่า!!”

“!?”

*ตึก ตึก ตึก ตึก*

ทั้งสองรีบหันไปตามเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากทางที่ทั้งสองวิ่งมา แล้วเห็นชายในเสื้อคลุมคนเดิมกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว

“บ้าที่สุด!!” เจนาเรียอุทานแล้วรีบจับมือของโซเนทให้มาคว้าหูกระเป๋าเคส “ฉันขอโทษที่ตะคอกใส่เธอ ได้โปรดรีบหนีไป! ฉันจะถ่วงเวลาไว้!!”

“หะ..ห๊ะ!?”

“ไปสิ!!”

*ตึก ตึก ตึก*

แล้วเจนาเรียก็หันมามองตาคนในเสื้อคลุม “…วิ่งมาแบบนี้ แปลว่ามานาหมดแล้วสินะ”

“…”

“แกเป็นใครกันแน่!! ทหารไอออสคิดจะทรยศไอออสได้ไง! แกมันคนขายบ้านเมือง!!”

“…”

“… ..”

ชายเสื้อคลุมเริ่มปริปาก “ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้านะ เจนาเรีย แต่ถ้าเจ้าไม่หลีก …คือตาย”

“..!!?”

—♠♣♥♦—

ขณะนั้นในเวลาเดียวกัน

“!!!” คาห์เนิร์ลสะดุ้งตื่นขึ้นมา “นาวา!!”

*ควับ* “เจ้าหนู! เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ทหารนูทรอลเลียนายหนึ่งรีบหันหลังมาถามคาห์เนิร์ล

คาห์เนิร์ลมองรอบๆ เห็นตัวเองอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่ง “ที่นี่มัน?”

“ก็บ้านพักใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุนั่นแหละ ดีนะที่พี่มาช่วยทัน ไม่งั้นคง… เอ่อ.. มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมชายในเสื้อคลุมถึงทำร้ายเรา? แล้วคนร้ายคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุควันปะทุที่จุดขายของทิศใต้หรือเปล่า?”

“อ่า…เอ่อ…” คาห์เนิร์ลมองสำรวจตัวเองที่ไม่มีบาดแผล และไม่รู้สึกเจ็บอะไร “???”

“พี่เป็นทหารสายรักษาน่ะ มีสกิล (Skill)(ทักษะ) รักษา”

“อ่อ แมดิค(Medic)(หมอ) สินะ”

“ห๊า!? นี่เรารู้เรื่องคลาสอาชีพด้วยเหรอเนี่ย? ว่าแต่ ถ้าไหวก็รีบตอบที่พี่ถามเรื่องคนร้ายก่อนได้ไหม พวกพี่จะได้ประเมินสถานการณ์ถูก”

คาห์เนิร์ลครุ่นคิด “ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น …เพื่อนของผมถูกคนในเสื้อคลุมทำร้าย ผมเลยรีบมาช่วย …!! นาวา!! พี่ทหาร! เพื่อนของผมอยู่ไหน!?”

“เพื่อน? แปลกนะ ตอนพี่กับเพื่อนพี่ไปถึง ก็เห็นว่าคนร้ายกำลังจะใช้เวทย์ลมใส่เรา แต่เพื่อนพี่ไปหยุดไว้ทัน แล้วคนร้ายก็รีบหนีไป เพื่อนพี่ให้พี่รีบรักษาเราแล้วตามคนร้ายไป …พี่มองรอบๆ ก็เห็นแค่เรานะ”

“!?”

“ในเมื่อเราปลอดภัย พี่คงต้องพาเราไปให้คำให้การที่ลานน้ำพุ แล้วพาเรากลับไปหาพ่อแม่เรานะ”

“ห๊ะ!? ไม่นะพี่!! นาวา! เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งอุ้มผมไป!! นาวาล่ะ!? เกิดอะไรขึ้นกับนาวา!?”

—♠♣♥♦—

ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ยังคงเป็นวินาทีเดียวกับที่เจนาเรียยืนจ้องกับเดบาซ

“มีใครอยู่ไหม? ใครก็ได้เปิดไฟที!!” เสียงนาวาดังมาในความมืด “เฮ้! มีใครอยู่ไหม?”

“…”

“เฮ้!! ใครก็ได้!”

“เจ้าชื่ออะไร?”

“ห๊ะ!? ใคร!? ใครอยู่ตรงนั้น?” นาวารีบหันไปตามเสียงที่ดังมา

“ชื่อ?”

“นะ..นาวา ..นาวา นาร์ส” นาวาค่อยๆตอบ “คะ..คุณเป็นใคร?”

“หึหึ ข้าเหรอ? ข้าก็คงเป็น ‘เวลาที่ถูกลืม’ ละมั้ง”

“???”

“…”

*ตึก ตึก* นาวาเริ่มเดินไปหาเสียงนั้นอย่างช้าๆ “ที่นี่มันอะไรกัน?”

“รู้จัก ‘แมวของชเรอดิงเจอร์‘(Schrödinger’s cat) ไหม? สถานะที่ทั้งเป็นและตายในเวลาเดียวกัน”

“ห๊ะ!?”

“อยู่กับตัวเองในความมืดมิด ถูกโลกภายนอกลืม จะตายหรือจะเป็นเมื่อไรก็ไม่รู้”

“???”

“หึหึ อย่าได้เอาคำบ่นของคนแก่ไปใส่ใจเลย … นาวา นาร์ส เจ้าอยากจะกลับไปสู่โลกของเจ้ารึเปล่า? หนีจากสถานะแมวของชเรอดิงเจอร์ กลับไปสู่โลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน”

“ผะ..ผม…”

“การมีชีวิตยาวนานเหมือนได้รับคำสาบแช่ง ..ข้าเห็นสงครามมามากครั้งเหลือเกิน เห็นความขัดแย้งมากหลาย เห็นสังคมถูกทำลายจากด้วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เห็นความโลภกลืนกลินชีวิต เห็นอะไรมากมายจนบางทีข้าก็คิดว่าข้าโชคดีที่มาอยู่ที่นี่”

นาวาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของเสียง แต่ก็มองอะไรไม่เห็นเลย “ผมไม่รู้นะว่าคุณพูดเรื่องอะไร ชรงชริงดริงค์เกอร์ อะไรนั่น ผมรู้แค่ว่าผมต้องกลับไป”

“เพราะอะไร?”

“พ่อของผมคงเป็นห่วงแย่ ถ้าผมต้องมาติดอยู่ที่นี่”

“…”

“เพราะงั้นคุณก็กลับไปกับผมด้วยสิ!! มาอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ดีหรอก โลกนี้ยังมีเรื่องดีมากมาย มีสายน้ำที่ผมนั่งมองได้ทั้งวัน มีฝูงนกคอยสอนผมร้องเพลง มีต้นไม้คอยเฉาตอนผมลืมรดน้ำ มีมิตรภาพในทุกที่ มีที่สวยงามที่ผมยังไม่เคยไป มี—อุ๊บ!!”

ชายตรงหน้านาวาใช้ฝ่ามือของเขาจับหน้าของนาวา

“!!?”

“รีลีซ”

—♠♣♥♦—

*ชว้าาาา~ง!!* ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องจ้าขึ้นตรงหน้าเจนาเรียและเดบาซ

แฮ่ก แฮ่ก (เกิดอะไรขึ้น?)” *ควับ* เจนาเรียคิดอยู่ในใจ ก่อนที่สมองของเขาจะประมวลผลว่าควรชิงจังหวะนี้วิ่งตามโซเนทไป

*ตึก ตึก ตึก*

เดบาซรีบออกวิ่งตามเจนาเรียทันที

*หมับ* แต่มีมือหนึ่งคว้าแขนของเดบาซไว้ขณะที่เขาวิ่งผ่านแสงสว่างนั่น

*เพล้ง!* เข็มทิศที่เดบาซพันอยู่ที่ข้อมือซึ่งเป็นของที่อีรอสให้มา เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“(นี่มันอะไรกัน!?)” เดบาซฉงนสุดๆ ก่อนจะมองเข้าไปใส่แสงสว่างนั้นที่ค่อยๆจางลงแล้ว เห็นเป็นนาวาที่อยู่ในแสงนั่น และเป็นเจ้าของมือที่คว้าแขนของเขา “!!! (เจ้านี่!? ยังไม่ตาย!?)”

“ห๊ะ!? นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? ฝันเหรอ!?” นาวาพูดแบบตกใจมากกว่าเดบาซซะอีก “แว๊ก!! แล้วมือเราไม่คว้ามือใครเนี่ย!?”

นาวารีบปล่อยข้อมือเดบาซ และเดบาซก็รีบถอยหลังมาตั้งหลัก

ทั้งสองจ้องหน้ากัน

“!!” นาวาเห็นว่าเป็นชายเสื้อคลุมคนเดิมก็เริ่มกลัวตัวสั่น แต่ก็บังคับใจตัวเอง แล้วเริ่มกัดฟันพูด “ฉันจะไม่ยอมให้นายได้ทำร้ายใครเหมือนกับที่ทำกับฉันอีกแล้ว!!”

แสงสว่างจางหายไป เดบาซกวาดตามองนาวาตั้งแต่หัวจรดเท้า “(เจ้านี่ มันไม่มีพลังเอเลเมนท์นินา แต่ทำไมไม่มีบาดแผล? มีใครมาฮีล(Heal)(ฟื้นฟู) มันรึ!? แล้วแสงนั่นมันคืออะไร!? เข็มทิศของท่านอีรอส!? เกิดอะไรขึ้น? มันควรจะตายไปแล้วนินา!!)”

—«¤»—

Sketch15216657_20131015164359320ตรงจุดปะทะกันของทีมโครนอสและธีอา คนในหน้ากากนาฬิกาสองคนกำลังยืนสนธนากันเหนือร่างของธีอาที่นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น

“เมจิคัสมีความสามารถแค่นี้เองรึ?” ผู้ชายในหน้ากากเอ่ยขึ้น

“ใช้สกิลใส่เราแค่ครั้งเดียว คงสู้กับคนอื่นมาจนมานาหมดมากกว่ามั้ง” ผู้หญิงในหน้ากากตอบกลับ พลางก้มลงเปิดผ้าที่คลุมหัวธีอาไว้

“!!! ธีอา!? มือขวาของ ทิธีอาส เมจิคัส (T-Thias Magicus)!?”

ชายโครนอสรีบหันมามอง “อืม ส่งมือขวามาแบบนี้แสดงว่าเมจิัคัสคิดทำลายไอออสจริง รีบพาไปหาทีมที่มีคลาสอิลลูชันนิสท์เถอะ”

*เฟี้ย~วว* “ฟาลิออน!!” มีเสียงผู้หญิงร้องดังมาแต่ไกล

โครนอสทั้งสองคนรีบหันมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่เห็นตัว เห็นแต่ลูกดอกธนูที่ทำด้วยเอเลเมนท์ไฟถูกยิงออกมา กำลังพุ่งตรงไปที่หลังคาบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ไกลนัก

*ฉึก!* ลูกธนูถูกหลังคาแล้วสลายหายไปเพราะไม่มีแรงไฟพอจะทำให้หลังคาลุกไหม้

*วูบบ* ร่างของฟาลิออนค่อยๆ ปรากฎขึ้นใกล้ๆกับจุดที่ลูกธนูยิงไป เห็นเขาทำท่าเหมือนเพิ่งกระโดดหลบลูกธนู

“!!” ผู้หญิงหน้ากากโครนอสแสดงอาการตกใจผ่านทางแววตาที่มองเห็นได้ผ่านหน้ากาก แล้วจึงรีบพูดเบาๆ กับคู่หูของเธอ “ฟาลิออนมาลอบฟังเรารึเนี่ย!? ตั้งแต่เมื่อไร!?”

วินาทีนั้นเองชายโครนอสรีบพุ่งไปคว้าร่างของธีอา แล้วแบกขึ้นที่บ่า

หญิงโครนอสหันมอง แล้วหันควับกลับไปจ้องฟาลิออน “เอาไง ทรี(Three)? ถ้าฟาลิออนมาได้ยินตอนที่เราพูดกับธีอา…”

“ไปก่อน ค่อยคิดทีหลัง!!”

*ตึก ตึก ตึก*

ฟาลิออนขมวดคิ้วสงสัยบุคคลที่เขาเห็น แล้วเริ่มทำท่าเหมือจะออกตามสองคนนั่น เริ่มมีสายลมก่อตัวรอบๆเขา “(หน้ากากนั่น! พวกผู้นำโครนอส!? มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย!? แล้วนาวา…ไม่ใช่คนที่โครนอสส่งมาหรอกรึ!? คนในชุดดำที่โดนแบกไปด้วยนั่นคือใคร!?)”

*เฟี้ย~วว* *ฉึก!*

ลูกธนูไฟอีกดอกพุ่งมาใส่ฟาลิออนที่เอี้ยวตัวหลบได้ทัน แต่สายลมที่ก่อตัวรอบตัวเขาถูกเผาไปหมดสิ้น

*ตึก ตึก ตึก* “ฟาลิออน!! เจ้าบ้า!!”

ฟาลิออนรีบหันควับไปตามเสียง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเกราะกับคันธนูทองกำลังวิ่งตรงดิ่งมาทางเขา “ซะ..ซิลเลีย..”

“ข้าไม่ยอมให้เจ้าหนีแน่คราวนี้!! วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!!”

“อะ..เอ่อ..” ฟาลิออนเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ไปจนหมด “ดะ..เดี๋ยวสิ! ขะ..ข้าต้องตามพวกโครนอสนั่นไปนะ เจ้าก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าพวกนั้นเห็นข้าแล้วหนี มีพิรุธนะ!”

*ตึก ตึก ตึก* องครักษ์ซิเซเลียวิ่งมาหยุดตรงด้านล่างของบ้านที่ฟาลิออนยืนอยู่บนหลังคา “แล้วที่เจ้าหนีข้าตลอดมานี่ มันไม่มีพิรุธเลยหรือไง!!?”

“อ่า..เอ่อ..” สายตาของฟาลิออนนั้นมองวอกแวกไปมา ไม่กล้าพอที่จะสบตาคู่ที่เริ่มมีน้ำตาคลอของซิเซเลีย

แล้วซิเซเลียเริ่มเอ่ยทั้งน้ำตา “ฟาลิออน ..ถ้าเจ้าจะหนีข้าไปแบบนั้น …เจ้าจะบอกรักข้าทำไมกัน? ..เจ้าจะขอข้าแต่งงานทำไมกัน?”

—♠♣♥♦—

ที่กลางลานน้ำพุ พระราชายังไม่เริ่มพูดอะไร

“เอมิลี เจ้าดูเป็นกังวลใจ มีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่าเพคะ ท่านพี่เกรอลด์” เจ้าหญิงเอมิลีตอบ แล้วฝืนยิ้มให้เจ้าชายเกรอลด์

“…” เจ้าชายเกรอลด์มองคู่หมั้นของเขาด้วยความเป็นห่วง “นูทรอลเลียจะปลอดภัย เชื่อข้าสิ”

“…”

“อย่ากังวลไปเลย มีทั้งซิเซเลีย มีทั้งสเวนเซอร์…”

เจ้าหญิงมองออกไปข้างหน้าไปที่จุดที่เกิดควันไฟที่ควันเริ่มจากไปหมดแล้ว “(เจนาเรีย…ฉันห่วงเธอเหลือเกิน)”

เจ้าชายเกรอลด์เองก็แอบทำท่านั่งครุ่นคิดเช่นกัน

“(ทำไมครูในวังถึงเล่าเรื่องคำทำนายโบราณให้เราฟังก่่อนมา ‘… แต่กลียุดยังดำเนิน… แต่วันหนึ่ง ‘แปด’ จะมาบรรจบอีกครั้ง แม้เพียงชั่วขณะ ..แล้ว โลกจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง  …จากแปด— เป็นศูนย์…’  มันคืออะไรกันนะ? ทำไมคำทำนายนี้ถึงได้ผุดขึ้นมาให้หัวเราไม่หยุดสักที”

—«¤»—

Sketch15216657_20131015164454515“ในเมื่อควันไฟหายไปแล้ว และไม่มีรายงานเข้ามาว่ามีผู้ใดบาดเจ็บ ข้าพเจ้าจะขอดำเนินงานพิธีต่อไป…” เสียงของพระราชาดังไปทั่วนครนูทรอลเลีย ด้วยระบบการท่ายทอดเสียงของเคโมสเฟีย“ข้าพเจ้าจะไม่ขอกล่าวถึงเอมิลีลูกสาวข้าพเจ้า หรือเจ้าชายเกรอลด์คู่หมั้นของเธอ ข้าพเจ้าอยากจะใช้โอกาสนี้ พูดถึงอะไรที่สำคัญกว่านั้น…”

เวลานั้นเจนาเรียวิ่งด้วยแรงเฮือกสุดท้ายมาจนทันโซเนทที่วิ่งมาจนเกือบถึงเวสท์เกท “เดี๋ยวสิ! แฮ่ก แฮ่ก รอก่อน ฉันมีอะไรจะบอกเธอ!!”

“..?” โซเนทรีบหันหลังมามองเจนาเรีย

“…ครอบครัวนูทรอลเลีย นิสทรัม ไมเร .. ข้าพเจ้าบอกทุกท่านได้เลยว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นกับอาณาจักรของเรา กับโลกของเรา…”

แฮ่ก แฮ่ก ฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันมาเพราะอยากจะขอร้องเธอ แฮ่ก แฮ่ก ได้โปรดหนีไปกับเคสนั่นแทนฉันที!” เจนาเรียพูดด้วยแรงเฮือกสุดท้ายก่อนร่างของเธอจะเริ่มล้มลงสู่พื้น

“…ความมืดจะมีอำนาจ แสงสว่างจะถูกเย้ยหยั่น …ชาวเมมโมเรียลมากมายจะถูกปลดปล่อยจากเคโมสเฟีย แต่ผู้คนจะใช้อิสรภาพที่ได้มานี้ในทางต่างกัน แล้วอิสรภาพที่ได้มานี้จะทำให้กลียุคร้ายแรงขึ้น…”

*หมับ* โซเนทรีบมาพยุงร่างของเจนาเรียได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงสู้พื้นหิน แล้วจึงเอ่ยถามเจนาเรีย “… เธอชื่ออะไรเหรอ? ฉันโซเนทจากเอเลฟธีเรีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“อ่า..เอ่อ… เจนาเรีย” เจนาเรียมองโซเนทอย่างงงๆ แล้วจึงเริ่มก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยมีโซเนทช่วยพยุง

“เมื่อกี้ที่เธอตะคอกใส่ฉัน ว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรแล้วไปแนะนำเธอน่ะ…”

“อ่า…ฉันขอโทษนะ..”

“ไม่หรอก ฉันผิดเองแหละ” โซเนทพูดแล้วยิ้มให้เจนาเรีย “เธอพูดขนาดนั้น เลยทำให้ฉันรู้ว่าเธอกำลังแบกรับภาระอะไรใหญ่หลวงไว้— แต่..ฉันอยากจะบอกเธอนะ ว่าอย่าแบกมันไว้คนเดียวเลย …เอนมาให้คนอื่นช่วยพยุงบ้างก็ได้…”

“…” เจนาเรีบแอบเอามือปาดน้ำตาของเธอ “บ้าชะมัดเลย พูดอะไรของเธอเนี่ย โซเนท…”

“…นี่คือสิ่งที่คนรักของข้าพเจ้า พระราชินี มาริอา เมมโมเรียล (Maria Memorial) ได้บอกกับข้าพเจ้าก่อนที่เธอจะจากข้าพเจ้าไป …เธอยังฝากให้ข้าพเจ้าบอกกับเมมโมเรียลทุกท่านในวันนี้ว่า อย่าได้ยอมแพ้ให้กับความมืด แม้ว่ามันจะมืดมนสักเพียงใด ไม่ว่าใครจะมองเราไม่ดีอย่างไรก็ขออย่าได้หยุดที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน…”

“เธอไปเถอะ ฉันเดินต่อไปไม่ไหว จะถ่วงเปล่าๆ ภารกิจสำคัญกว่า…”

“ไม่ เจนาเรีย! เธอพยายามมาสุดกำลังขนาดนี้แล้ว อย่ามายอมแพ้ง่ายๆแบบนี้สิ!”

“แต่คนชุดดำนั่นกำลังจะ…”

โซเนทมองเจนาเรียแล้วฉีกยิ้มกว้างให้เธอ “ไม่ต้องห่วง ฉันมีแผนดีๆ”

“…ด้วยความรักซึ่งกันและกัน ด้วยศรัทธาในแสงสว่างและความดีงาม ด้วยความหวังในวันหน้าที่ดีกว่า ด้วยจิตวิญญาณแห่งเมมโมเรียลนี้ พวกเราทั้งหมดจะผ่านเวลายากลำบากไปด้วยกัน ด้วยการช่วยพยุงกันและกัน”

*เฮ เฮ เฮ* เสียงเฮดังกึกก้องมหานครนูทรอลเลีย แม้ว่าประชาชนส่วนมากจะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายของคำพูดของพระราชา

—♠♣♥♦—

*เฮ เฮ เฮ*

ตรงจุดปะทะกันครั้งที่สองของนาวาและเดบาซ มีนาวานอนหงายหน้า กางแขนขา หน้ามองไปบนฟ้า ข้างๆนาวามีคนในชุดดำนั่งอยู่ข้างๆ

“…ขยับไม่ได้แบบนี้ก็ดีนะ …เป็นครั้งแรกที่ผมอยู่นิ่งๆ ฟังคนอื่นพูดเรื่องบ้านเมือง …พระราชาก็พูดได้ดีนะ แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจ…” นาวาเอ่ยหลังเสียงเฮเริ่มซาลง

“หึหึ โดนอัดจนขยับไม่ได้ขนาดนี้ ยังมีใจมาพูดได้แบบนี้ เจ้านี่ตลกจริงๆ” เสียงของชายในชุดดำเป็นเสียงของคนแก่

“ก็มันไม่รู้สึกเจ็บนินา”

“นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ที่ข้าต้องตามมาช่วยเจ้า” ชายชราถอดกระเป๋าที่สะพายอยู่ที่ไหล่ซ้ายของเขา แล้ววางมันไว้ข้างๆนาวา

“นี่มันกระเป๋าพ่อผมนิ!! ขอบคุณครับคุณตา… ว่าแต่เสียงคุณตาเหมือนผมเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ”

“ข้าเดินชนกับเจ้าก่อนงานจะเริ่มที่ลานน้ำพุ..”

“ห๊า..!? โลกนี้มันกลมจริงๆ คุณตาว่าไหม?” นาวาพูดโดยยังนอนอยู่นิ่งๆ

“ไม่หรอก… ข้าว่ามีคนบนฟ้าคอยนำทางพวกเรามากกว่า” ชายชราในชุดดำตอบนาวา “เจ้ารู้ไหม.. ถ้าเดบาซเห็นนาฬิกาในกระเป๋าเจ้าแล้วเอามันไป คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู จูปิรอสคงปั่นป่วน ไอออสคงวุ่นวาย แล้วยังมี…”

“เดบาซ??” นาวาไม่เข้าใจอะไรสักอย่างที่ชายชราพูดมา

“ก็เด็กผู้ชายในชุดดำที่ข้าไล่ไปไง” ชายชราอธิบายตอบ “ลูกชายทิธีอาสนี่อัจฉริยะจนน่าเป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช้เอเลเมนท์ก็ชนะเจ้าได้ง่ายดาย”

“…”

“อ้อ! เจ้าเป็นคนเมมโมเรียลนินะ ข้านี่ก็แก่จนลืมตัวจริงๆ พูดบ่นไปแบบนั้นเจ้าจะเข้าใจอะไร…”

“ทำยังไง… ผมถึงจะแข็งแกร่งกว่านี้?” นาวาถามด้วยความเจ็บใจ

“…”

“มีคนขอให้ผมทำภารกิจหนึ่ง ผมไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ แล้วเขาก็โกรธผมที่ผมเป็นแค่เมมโมเรียล… เพราะผมไม่มีความสามารถอะไร…”

“…”

“ผม.. ผม… ฮึก ฮือ อ่อนระอากับความอ่อนแอของตัวเองจริงๆ”

“ลูเซีย..?”

“!!!” นาวาเริ่มขยับหัวได้เล็กน้อย ก็พยายามเต็มที่จะหันไปมองชายชรา “คุณตารู้ได้ไง!?”

“หึหึหึ …อย่าไปคิดมากเลยเจ้าหนู ลูเซียไม่ได้โกรธเจ้าที่เจ้าเป็นเมมโมเรียลหรอก…” ชายชราเริ่มเปิดผ้าคลุมหัวให้นาวาเห็นหน้าเป็นชายชราผิวขาว อายุประมาณ 70 กว่าปี “เธอคงโกรธตัวเองที่เอาเจ้าที่เป็นคนธรรมดามาเอี่ยวด้วย เลยพูดตัดสัมพันธ์กับเจ้าละมั้ง”

“…”

“ไม่เชื่อเหรอ?”

นาวาจ้องตาชายชรา แล้วค่อยๆส่ายหน้า

“ข้าเป็น.. พี่ชายของยายของลูเซียน่ะ…” ชายชราพูดออกมาด้วยแววตาที่แสนเศร้า

“!?”

“อีกไม่นาน ฮีล ก็จะรักษาเจ้าเสร็จแล้ว ถ้าเจ้าขยับได้แล้วคิดจะทำอะไรต่อละ?”

“…” นาวาคิดอยู่พักหนึ่ง “ผมคงยอมแพ้ไม่ได้ จะแพ้อีกกี่ครั้งก็คงต้องตามไปสู้ใหม่…”

“หึหึหึ เจ้าหนู…” ชายชรายิ้มให้นาวา “อะไรมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ..เดบาซเพิ่งเอาชนะทหารนูทรอลเลียก่อนมาเจอเจ้านะ ต่อให้เขาไม่ใช้พลังเอเลเมนท์ เจ้าก็ไม่มีวันเอาชนะเขาได้หรอก ..ทั้งชีวิตข้ายังไม่เคยเห็นอัจฉริยะระดับนี้มาก่อน”

“แต่ผม…”

“…” ชายชรามองนาวาอยู่พักหนึ่ง “เจ้าอยากจะจ้างข้าไปแทนไหมละ”

นาวามองตอบชายชรา “ผมไม่มีเงินหรอกครับ”

“ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าอยากได้เงิน สิ่งที่ข้าอยากได้ มันเป็นอะไรที่เจ้าสามารถจ่ายได้”

“..?”

“ว่าไง?” ชายชราถามแล้วลุกขึ้นยืน

นาวาค่อยๆ หลับตา แล้วเอ่ยรับข้อเสนอของชายชราคนนี้ “ได้โปรด”

“ดี! อีกสองชั่วโมงกว่าๆ— 6 โมงเย็น เคโมสเฟียจะเปิดให้คนออกเมืองได้ เตรียมไปรอรับเดอะโซลเฟธที่เวสท์เกทละกัน”

“!!!” นาวาตกใจที่ชายชรารู้เรื่องเดอะโซลเฟธโดยที่เขาไม่ต้องบอกอะไร “เดี๋ยวครับ คุณตา…”

“?”

“ลูเซีย…เธอโดนจำคุกตลอดชีวิตจริงๆ ใช่ไหมครับ…”

“อืม” ชายชรายืนตัวตรง ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเดินแบบคนแก่ๆ ตอนชนกับนาวาเมื่อเช้า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก อย่าเก็บไปคิดเลย..”

“…คุณตาเป็นใครกันแน่เนี่ย!!?” นาวาเริ่มถามแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจสุดๆ

“ข้าเหรอ— ข้าก็ ‘เวลาที่ถูกลืม’ ไง”

“!!! (เวลาที่ถูกลืม!? แต่คนที่อยู่ในที่มืดๆนั่นเสียงหนุ่มกว่าคุณตานี่นินา!?)”

“คนเดียวกันน่ะแหละ อย่าไปคิดให้มากเลยเจ้าหนู” ชายชราเอ่ยกับนาวาเหมือนรู้ว่านาวาคิดอะไรอยู่

“!!?”

“จำไว้นะ นาวา นาร์ส …สักวันหนึ่งเจ้าจะถามว่าทำไมข้าถึงทำแบบนี้กับเจ้า— ข้าจะขอชิงตอบตรงนี้ว่า ‘เพราะเจ้าสามารถรู้สึกถึงความรักในทุกสิ่ง และการได้มีสิ่งนี้ มันช่างเป็นอะไรที่เป็นพรกับชีวิตเจ้านัก’ ..ลาก่อน…”

*ตึก ตึก ตึก*

ชายชราเดินจากไป ทิ้งนาวาให้นอนมองฟ้าอยู่คนเดียว “(มันอะไรกันเนี่ย!? ทำไมเราถึงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง!!? บ้าที่สุด!! บ้าที่สุด!! ทำไมร่างของเราไม่ขยับสักที!!)”

“ขยับสักทีเซ่!!!!!!!!”