ตอนที่ 15 ลาก่อนนาวา

by thesolfaith

*เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง*

“นี่พวกนายทำอะไรกันเนี่ย!?” ทหารนูทรอลเลียนายหนึ่งตะโกนถามขณะวิ่งฝ่าผู้คนเข้ามาตรงจุดเกิดเหตุ มีทหารอีกนายวิ่งตามมาข้างหลัง

“รีบจับสองคนนั้นไว้เร็ว!!” เจนาเรียเห็นไปเห็นทหารก็ชิงพูดเชิงออกคำสั่งขึ้นพลางชี้ไปที่นาวาและคนในชุดคลุมดำที่เพิ่งจะหยุดไถลไปกับพื้น

“เจนาเรีย!? มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย!? ทำไมไม่อยู่กับเจ้าหญิง…”

“รีบจับผู้ร้ายสองคนนี้ก่อนเถอะค่ะ!”

“อ่า..เอ่อ..”

*หมับ หมับ* ทหารสองนายรับคำสั่งเจนาเรียแบบงงสุดๆ แล้วล๊อคแขนนาวาและเดบาซไว้ แล้วยกตัวสองคนให้ยืนขึ้น

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

คาห์เนิร์ลได้ยินเจนาเรียสั่งทหารให้จับนาวา ก็เริ่มลุกลี้ลุกรนแล้วรีบหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาวา

*ควับ* *ควับ!* เด็กหญิงผู้เสียหายไม่ยอมให้คาห์เนิร์ลหันหลังไป คว้าเสื้อของเขาแล้วหมุนตัวคาห์เนิร์ลกลับมา “นี่นาย! ว่าค่าเสียหายกันก่อนดิ!”

“อะ…อ่า…ตะ..แต่..” คาห์เนิร์ลเริ่มทำตัวไม่ถูก

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

“สองคนนี้พยายามชิงทรัพย์เจน แถมทำร้ายเจนด้วย ดูสิ!” เจนาเรียพูดแล้วยกแขนข้างที่ระบมให้ทหารดู

“เฮ้ย!? ฉันไปทำร้ายเธอตอนไหน!?” นาวาที่ถูกจับอยู่เถียงตอบ “คนที่ทำร้ายน่ะ เจ้าหมอนี่ต่างหาก!”

ทหารสองนายมองตามสายตานาวาไปที่เดบาซ ที่ก้มหัวไม่ส่งเสียงอะไรมาพักหนึ่งแล้ว

“มันเป็นอะไรของมัน?” ทหารที่ล๊อคตัวนาวาถามเพื่อนทหารของเขา

“ไม่รู้สิ แต่งตัวน่าสงสัย แต่ไม่มีต่อต้านอะไรเลย คงสลบไปละมั้ง”

“แล้ว…ฉันชิงทรัพย์อะไร!? เธอมีหลักฐานอะไรรึเปล่า มากล่าวหากันเนี่ย!!” นาวาตะโกนพลางดิ้นต่อต้านสุดกำลัง แต่ไม่เป็นผล

“แล้วเธอมีหลักฐานที่บอกว่าเธอบริสุทธิ์ไหมล่ะ? นายอยู่ข้างๆ นายคนน่าสงสัยปิดหน้าปิดตานั่นตลอดเวลา ทหารมาก็เห็น” เจนาเรียเถียงตอบ

“กรอดด! หัวหมอนักนะ!” นาวาโกรธหน้าแดงก่ำ

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

ปัญหาของคนสองคนใกล้ๆกับตรงที่เจนาเรียยืนอยู่ก็ดูจะยังไม่คลี่คลาย

“ก็มันไม่มีตังอะ จะให้ฉันทำยังไงล่ะ!?” คาห์เนิร์ลเริ่มเถียงกลับ

“นายไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะขึ้นเสียงกับฉันได้นะ!” เด็กหญิงย้อนทันควัน แล้วหันไปมองข้างหลังเพราะรู้สึกว่ามีคนมาจับแขนเสื้อ “แม่…”

“ช่างมันเถอะโซเนท ถ้าเขาไม่มีก็อย่าไปคาดคั้นเอาจากเขาเลย”

“แต่มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะ! แม่จะยอมเรื่องนี้ไม่ได้นะฮะ!”

ระหว่างที่โซเนทคุยกับแม่ของเธออยู่นั้น คาห์เนิร์ลก็ชิงจังหวะนั้นวิ่งไปอยู่ระหว่างเจนาเรียและทหารสองนาย “เพื่อนผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ!!”

“…” ทหารสองนายเริ่มสับสน หันมามองเจนาเรียที คาห์เนิร์ลที เหมือนกับดูกีฬาเทนนิสอยู่

“นายริจะมาพูดอะไร เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เจนาเรียมองไปที่ทหารสองนาย “นายนี่ไปขโมยตะเกียงคนอื่นมา นั่นไงผู้เสียหายยังยืนอยู่ตรงนั้นเลย!”

“จริงรึ?” ทหารที่จับเดบาซไว้ เอ่ยถามคาห์เนิร์ล

“จะบ้าเหรอ ผมจะไปทำอย่างนั้นทะ…”

“ไม่เชื่อ งั้นถามผู้เสียหายก็ได้!” เจนาเรียชิงพูด จนคาห์เนิร์ลต้องเงียบไป เพราะตอนนี้ทุกคนมองไปที่โซเนทกับแม่ของเธอ

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

“แต่ แม่ฮะ..” โซเนทหยุดสนทนา แล้วหันมาพร้อมกับแม่ เพราะรู้สึกถึงสายตาของทุกคนกำลังมองมาทางนี้

“หมอนี่ขโมยของพวกคุณจริงไหม?” ทหารคนเดิมถาม

“จริงค่ะ!” โซเนทรีบตอบ ที่แขนเสื้อของเธอนั้นแม่ของเธอกำลังกระตุกดึงเหมือนบอกเป็นนัยว่าอย่าเอาเรื่องเขาเลย

“ห๊ะ..!?” คาห์เนิร์ลตกใจ เพราะรู้ว่าตนกำลังจะถูกจับ

“นี่มันจะบ้าบอกันไปถึงไหนเนี่ย!!” นาวาตะโกนแล้วเริ่มดิ้นอีกเฮือกนึง “เพื่อนฉันคว้าตะเกียงมาช่วยเรานะ! ถ้าเพื่อนฉันไม่ช่วยเธอ ป่านนี้แขนเธอขาดไปแล้วละ!! บุญคุณอ่ะ รู้จักไหม!!?”

“จับเลยค่ะ! ทั้งสามคนเลย ทั้งสามคนเป็นพวกเดียวกัน!!” เจนาเรียยังคงมั่นคงกับคำให้การของเธอ

“อะ..เอ่อ…” แม่โซเนททำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่จังหวะนั้นไม่มีคนหยุดฟังเพราะทหารคนที่จับเดบาซนั้นเปลี่ยนมาล๊อคเดบาซด้วยแขนข้างเดียว อีกมือกำลังเอื้อมมาคว้าคาห์เนิร์ล

“โอ้ย!! นี่มันอะไรเนี่ย!? ทำดีไม่ได้ดีนี่หว่า!?” คาห์เนิร์ลโวย

“อยากขโมยของเองนิ!”

“พอได้แล้วโซเนท!” แม่โซเนทเอ่ยแล้วคว้าแขนของลูกสาวเธอไว้

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

“เด็กสองคนนี้ไม่ใช่คนร้ายครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากในหมู่คนที่ยืนมุงอยู่รอบๆ แล้วชายคนนี้ก็ค่อยๆเดินออกมา คนรอบๆต่างพร้อมใจกันเปิดทางให้เขา

“พี่นักกล้าม!!” นาวาส่งเสียงดังด้วยความดีใจ

ทุกสายตาของผู้คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่นั้น หันมาจ้องชายตัวใหญ่สวมชุดเหมือนนักยกน้ำหนักคนนี้

“ผมอยู่ในเหตุการณ์ เห็นว่าคนในชุดคลุมดำนั่นกำลังกระชากกระเป๋าเคสของเด็กหญิงคนนี้ แล้วเด็กชายสองคนนี้ก็ช่วยกันหยุดขโมยไว้” ชายนักกล้ามพูด

“เห็นไหมล่ะ!?” นาวาเริ่มออกแรงดิ้นต่อต้านอีกละรอก

“นี่มันอะไรกัน เจนาเรีย?”

“อะ..เอ่อ..” เจนาเรียยืนอ้ำๆอึ้งๆ พยายามคิดว่าจะตอบทหารกลับไปอย่างไรดี “คือ…”

“ปล่อยเซ่!!” นาวาดิ้นจนหลุดจากมือของนายทหาร

ชายนักกล้ามสาวเท้าเดินมายืนตรงหน้านาวา “นายเจ๋งมากเลย น้องชาย! ความฝันของพี่คือการเป็นซูเปอร์แมน เล่นฟิตเนทมาทั้งชีวิต กลับต้องมาทึ่งในความกล้าของนาย”

*ปิ้ง* พี่นักกล้ามยกนิ้วโป้งให้นาวาพร้อมยิ้มโชว์ฟันขาวๆของเขา

*ตึก ตึก ตึก*

นาวาได้ยินเสียงฝีเท้า ก็รีบละสายตาจากพี่นักกล้าม แล้วมองตามเสียง เห็นเจนาเรียเริ่มออกวิ่งหนีไปทางตรงกันข้ามกับลานน้ำพุ “ขอบคุณครับพี่น้กกล้าม!” เมื่อนาวาเอ่ยขอบคุณแล้วเขาก็รีบออกวิ่งตามเจนาเรียไป

“ดะ..เดี๋ยวสิ! นาวา!” คาห์เนิร์ลสะบัดหลุดจากทหารที่ล๊อคแขนคาห์เนิร์ลด้วยมือข้างเดียว แล้วรีบออกวิ่งตามนาวาไป

วินาทีเดียวกันนั้น ทหารสองนายนั้นกำลังยืนจ้องร่างของเดบาซที่เริ่มมีควันลอยออกมารอบตัวเขา

“หะ..ห๊ะ!?” โซเนทที่หันหลังคุยกับแม่ของเธอ หันกลับมาเห็นคาห์เนิร์ลที่กำลังวิ่งหนีไป “แม่ไปรอตรงที่พ่ออยู่เลยนะฮะ! หนูจะต้องเอาค่าชดใช้คืนมาให้ได้!”

*ตึก ตึก ตึก*

“ดะ..เดี๋ยวสิ โซเนท!!” แม่โซเนทร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

“เฮ้ย! นั่นมันคาถาเวทย์มนต์นิ!” ทหารนายที่ล๊อคแขนของเดบาซไว้รีบปล่อยแขน แล้วกระโดดถอยหลังมาหาทหารเพื่อนของเขา

เดบาซเงยหน้าขึ้นมา แล้วกางแขนทั้งสองข้างออกเหมือนเป็นนางเอกในภาพยนต์เรื่องไททานิค “เบิร์นนิ่ง สโมค! (Burning Smoke)(ควันไฟ)”

*ฟู่วว~ว!* ควันไฟรอบๆตัวเดบาซพุ่งแผ่รัศมีออกไปจากรอบตัวเขา ผู้คนรอบๆต่างส่งเสียงกรีดร้อง และเริ่มวิ่งหนีไปจากจุดนั้นเพราะตกใจกลัว

“แค่ก แค่ก แค่ก มันหนีไปแล้ว! ตามมันไป!” เสียงทหารนายที่จับนาวาดังออกมาจากกลุ่มควัน

—♠♣♥♦—

เวลาเดียวกันนั้นเอง ตรงใจกลางลานน้ำพุ

เจ้าหญิงเอมิลี่กับเจ้าชายเกรอลด์ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวด้านหลังพระราชากำลังตั้งใจฟังพลทหารที่พระราชาเรียกมาถามความ

“ทหารสองนายที่คุมอยู่ตรงนั้นรายงานเข้ามาว่าเกิดเหตุชิงทรัพย์ โดยผู้ร้ายมีพลังเอเลเมนท์ แต่ระดับพลังไม่สูงมาก คาดว่าคงจะตามจับได้ในอีกไม่ช้าพะยะค่ะ”

พระราชาแสดงสีหน้าเคร่งเครียด “ส่งคนไปคุมคนแถวนั้นเพิ่มละกันนะ ตรงนี้ไม่เป็นไรหรอก เราดูแลตัวเองได้”

“เอ่อ..” ทหารนายนั้นหันมามองเจ้าหญิงเอมิลี่ เพราะกลัวว่าหากส่งทหารไปจะมีกำลังไม่พอปกป้องพระราชาและคนสำคัญที่นั่งอยู่ตรงนี้

เจ้าหญิงค่อยๆพยักหน้าให้ทหารนายนั้น

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!” *เคร้ง เคร้ง* ทหารรับคำสั่งแล้วเดินไปสั่งการทหารที่ยืนคุมอยู่รอบลานน้ำพุ

“องค์ชายเกรอลด์…” องครักษ์ซิเซเลียโผล่มากระซิบเบาๆข้างๆเจ้าชายเกรอลด์

“เจ้าไปกับทหารกลุ่มนี้เถอะ.. ไม่มีองครักษ์สเวนเซอร์ พวกเขาคงกำลังหวั่นใจอยู่ไม่น้อย” เจ้าชายเกรอดล์กระซิบสั่ง

“พะยะค่ะ องค์ชาย”

เจ้าหญิงเอมิลี่มองควันที่อยู่สุดสายตาตรงหน้าอย่างเป็นกังวล แต่แล้วก็มีมือหนึ่งมาวางบนหัวของเธอ

เจ้าหญิงเงยหน้ามองขึ้นไปทางขวาเห็นพระราชายืนส่งสายตาบอกให้เธออย่าเป็นกังวล ก่อนที่พระราชาจะออกเดินไปที่ไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ตรงจุดใจกลางลานน้ำพุ

—«¤»—

*เคร้ง! ครืดดด*

ตรงจุดด้านนอกกำแพงวังฝั่งตะวันตก สเวนเซอร์และแอร์กระเด็นไปคนละทางจากแรงปะทะกัน

แอร์รีบลุกขึ้นแล้วพุ่งดิ่งมาทางสเวนเซอร์ทันที แล้วเริ่มฟาดดาบเลเซอร์ของเขาเป็นวงกว้าง

แพร์รี่! (Parry)(ปัดป้อง)” สเวนเซอร์ปัดดาบเลเซอร์ด้วยดาบใหญ่ของเขา แล้วแทงดาบสวนกลับไปด้วยความเร็ว

*เปรี้ยงงง..ง!* เพชรรอบตัวแอร์เคลื่อนลอยมารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อรับการโจมตีของสเวนเซอร์ แต่ตัวเขากระเด็นไปด้วยแรงกระแทก

สเวนเซอร์ถือดาบตั้งท่าพลางมองเพชรที่ลอยตามกลับไปโคจรรอบๆแอร์ที่กำลังพยุงตัวเองลุกขึ้น “แฮ่ก แฮ่ก … นี่แกเป็นใครกันแน่!? ลงทุนขนาดนี้.. พวกแกวางแผนกันมาใหญ่โต… ใครกันจะกล้าต่อต้านไอออสขนาดนี้!?”

แฮ่ก หึ..แฮ่ก หึหึหึ องครักษ์สเวนเซอร์… การใหญ่ขนาดนี้ ถ้าข้าบอกอะไรให้เจ้ารู้ก็โง่เต็มที!”

แฮ่ก แฮ่ก งั้นฉันจะถลกผ้าคลุมนั่นออกมาดูเอง! แล้วแกจะรู้ ว่าแกน่ะโง่นัก ที่ไม่ยอมบอกกับฉัน จะได้ลดโทษลงไปบ้าง!” สเวนเซอร์ตั้งท่าถือสองมือถือดาบชี้ลงพื้นทำมุมประมาณ 30 องศา

“หึหึ โทษ!?” แอร์เริ่มตั้งท่าดาบโดยถือดาบเลเซอร์มือเดียว เหมือนท่าในกีฬาฟันดาบ “แฮ่ก แฮ่ก พูดอย่างกับว่าเจ้าถือไพ่เหนือกว่า… หึหึ เจ้าไม่มีวันเอาชนะข้าได้หรอก สเวนเซอร์!!”

“ชาร์จ!!”

*ตูมมม..ม!!*

—♠♣♥♦—

ประมาณ 5 นาทีหลังจากนั้น แถวๆเขตบ้านพักอาศัยไกลจากลานน้ำพุไปทาง 7 นาฬิกาเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร

*ตึก ตึก ตึก หมับ ตุบ พรืดดด* นาวากระโดดพุ่งไปคว้าตัวของเจนาเรีย เหมือนนักอเมริกันฟุตบอลพุ่งเข้าสกัดกัน ทั้งสองล้มลงที่พื้นหญ้าหน้าบ้านหลังหนึ่ง

“เฮ้ย เล่นอะไรกันเนี่ย!?” คาห์เนิร์ลที่เพิ่งวิ่งมาถึงร้องถาม

*หมับ* มีมือหนึ่งคว้าไหล่ของคาห์เินิร์ล แล้วดึงเขาให้หันไปทางเจ้าของมือนั้น

*ควับ* “นี่นาย!! เอาค่าชดใช้ตะเกียงมานะ!”

“ห๊ะ!? เธออีกแล้วเหรอ!?” คาห์เนิร์ลพูด ตกใจเล็กน้อย แล้วยื่นตะเกียงที่ถืออยู่ในมือคืนให้ “อ่ะ! เอาคืนไปเลย แล้วอย่ามารังควานกันอีกนะ!”

“ฝาคลอบหลุด ที่จับเบี้ยว พังๆอย่างนี้เนี่ยนะ!? ยังจะมีหน้ามาคืนอีก!?”

“…” คาห์เนิร์ลจ้องหน้าโซเนท

โซเนทจ้องตอบแล้วยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นมา แบมือ แล้วพูดห้วนๆ “2,000 โฮล”

“จะ..จะบ้าเหรอ ฉันไม่มีตังขนาดนั้นหรอก!!”

*ซูมม..ม!!* เดบาซที่ยังอยู่ในเสื้อคลุมปิดมิืดชิดลอยดิ่งลงมาที่พื้นระหว่างนาวากับเจนาเรีย พลังลมผลักนาวากระเด็นไปทาง เจนาเรียและเดอะโซลเฟธในมือเธอกระเด็นไปอีกทาง

*ควับ* คาห์เนิร์ลหันมามองตามเสียง “หมอนี่อีกแล้วเหรอเนี่ย!? แล้วพวกทหารสองคนนั้นทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!!?”

*ซูม* เดบาซบินพุ่งตรงไปที่เจนาเรีย

*หมับ* นาวาวิ่งเต็มสปีตมาคว้าข้อเท้าของเดบาซ ทำให้เขาเสียหลัก เกลียวสายลมรอบตัวเีริ่มคลาย *พรืดด~ดด* เพราะความเร็วทำให้ทั้งสองไถลผ่านหน้าเจนาเรียไป

*ตึก ตึำก ตึก* เจนาเลียเห็นโอกาสก็ไม่รอช้า รีบออกวิ่งหนีไปทันที คราวนี้มุ่งไปทางทิศตะวันตก

“คาห์น!! ตามไปแย่งเคสดำนั่นให้ฉันที!! ถือว่าฉันขอร้องในฐานะึคนเอเลฟบ้านเดียวกันละกันนะ ได้โปรด!” นาวาตะโกนขอร้อง มือของเขายังคงคว้าข้อเท้าของเดบาซ

“อะ..อา..” คาห์เนิร์ลกวาดตามองรอบๆ ตอนนั้นเขาทั้งรู้สึกกลัว ประหม่า และงงงวยในเวลาเดียวกัน

“เอเลฟ!?” โซเนทอุทาน

“ดะ..ได้สิ!! นาวา นายอย่าตายนะเว้ย!!” *ตึก ตึก ตึก*

“นี่! เดี๋ยวสิ นาย!!” โซเนทร้องเรียก ก่อนที่จะออกวิ่งตามคาห์เนิร์ลไป

*ฟิ้วว ฟิ้วว* สายลมเริ่มมาก่อตัวรอบๆ เดบาซ นาวาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบปล่อยมือ แล้ววิ่งออกมาตั้งหลัก

เดบาซค่อยๆ ยืนขึ้นอย่าช้าๆ มีเสื้อคลุมปิดหน้าเอาไว้ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า แต่จังหวะนั้นนาวาเห็นสายตาสีแดงน่ากลัวใต้เสื้อคลุมนั้น

ฟันของนาวากระทบกัน ตัวของเขาสั่นด้วยความกลัว นาวารีบหันไปมองทางที่เจนาเรีย คาห์เนิร์ล และโซเนทวิ่งลับตาไป แล้วบังคับตัวเองให้หันกลับมามองชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ตรงหน้า เห็นสายลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆรอบๆตัวเขา เสื้อคลุมของเขาเริ่มปลิวสะบัดอย่างรุนแรงตามแรงลม

“แก…” เดบาซเอ่ยขึ้น “หลายครั้งแล้วนะ ที่แกมายุ่งเรื่องของข้า หึ.. ข้าจะไม่แคร์อะไรแล้วเรื่องห้ามฆ่าเมมโมเรียล! แกตาย!!”

นาวามองลมพายุตรงหน้า ตัวซีด สั่นเทา เหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย

*ตูมมม!!!*

*ตึก ตึก ตึก ตึก* “(บ้าที่สุด! ทำไมสองคนนี้ยังวิ่งตามเรามา!?)” เจนาเรียคิด เมื่อหันไปเห็นคาห์เนิร์ลกับโซเนทวิ่งตามมาด้านหลัง

“หยุดสิเฟ้ย!!” เสียงคาห์เนิร์ลตะโกน

*ตึก ตึก ตึก* “คาห์น… ชื่อนายเหรอ?” โซเนทที่วิ่งมาอยู่ข้างๆคาห์เนิร์ล ถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“…?” คาห์เนิร์ลมองโซเนทเหมือนเธอไม่ปกติ เพราะปกติเธอจะพูดกับเขาแนวๆขึ้นเสียงตลอดเวลา

“นายเป็นคนเอเลฟธีเรียเหมือนกันเหรอเนี่ย?” โซเนทถามต่อ

คาห์เนิร์ลทำท่าจะพูด แต่ก็หยุดคิดพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “เอ่อ… เรื่องตะเกียง… อย่าเพิ่งทวงเลยนะ…”

“อ่า…” โซเนทมองไปที่มือของคาห์เนิร์ลที่ยังถือตะเกียงพังๆใบนั้นอยู่ แล้วเริ่มถามสิ่งที่เธออัดอั้นไว้ออกมา “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?? หมอนั่นเพื่อนนายเหรอ? นายสองคนมาที่นี่ด้วยกัน? แปลก.. คนเอเลฟธีเรียจะมีเงินมาที่นี่ก็ หายากนะ…แล้วพวกนายกำลังทำอะไร? ทำไมต้องแย่งของกับหญิงที่แต่งชุดเหมือนคนในวังนั่น? ทำไมต้องสู้กับคนชุดดำที่มีพลังเวทย์มนต์…??”

“นี่!” คาห์เนิร์ลเอ่ยสั้นๆ “เธอเองก็เป็นคนเอเลฟธีเรียใช่ไหม? ขออะไรอย่างนะ เธอช่วยไปแย่งเคสสีดำนั่นแทนฉันทีนะ แล้วจะ 2,000 จะ 4,000 โฮลฉันก็จะหามาคืนให้ ถือว่าเป็นคำขอร้องจากคนบ้านเดียวกันละกันนะ!”

*ครืดด ตึก ตึก ตึก* คาห์เนิร์ลสไลด์กับพื้น หมุนตัวกลับหลังแล้วเริ่มออกวิ่งไปอีกทาง

“ฮะ..เฮ้!? นี่มันอะไรกัีน? นายยังไม่ได้ตอบคำถามอะไรฉันเลยนะ!! นายจะไปไหน!!?” โซเนทตะโกนถาม

คาห์เนิร์ลมีสายตามุ่งมั่น ตะโกนตอบกลับมา “ฉันจะกลับไปช่วยนาวา!!”

*ตึก ตึก ตึก ตึก*

—♠♣♥♦—

แฮ่ก แฮ่ก พลังก็ไม่ค่อยจะมี ดีนะที่ทหารนูทรอลเลียพวกนี้ไม่มีน้ำยา แฮ่ก แฮ่ก” เสียงธีอาที่อยู่ในเสื้อคลุม บ่นกับตัวเอง ที่พื้นใกล้ๆกับเท้าของเขามีทหารนูทรอลเลียสองนายนอนสลบอยู่ “(หวังว่าคุณหนูคงจะไม่ไปเจอะกับทหารอีกนะ …แอร์ ข้าหวังว่าเจ้ายังปลอดภัย… นี่ ข้าจะมามัวยืนคิดบ้าอะไรเนี่ย!? ต้องรีบตามไปช่วยคุณหนู…)”

*กึก กึก*

*ควับ!* ธีอารีบหันไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง เห็นคนสองคนกำลังยืนอยู่บนหลังคาบ้านหลังที่อยู่ตรงหน้าเขา สองคนนี้ใส่เสื้อคลุมดำคล้ายๆกับที่ธีอาใส่ แต่แตกต่างตรงที่สองคนนี้สวมหน้ากากที่เป็นรูปหน้าปัดนาฬิกาด้วย

“เจ้าเป็นคนจากเมจิคัสสินะ” เสียงดังมาจากคนใส่หน้ากากคนหนึ่ง เป็นเสียงของผู้ชาย

“…!!?” ธีอาตกใจที่ชายคนนี้รู้ว่าเขาเป็นใคร “พวกเจ้าเป็นใคร!?”

“หึหึหึ พวกเรารึ? พวกเราก็— ‘เวลา’ ไงล่ะ!” คนใส่หน้ากากอีกคนหนึ่งตอบด้วยเสียงที่ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของผู้หญิง

“(เวลา..!? โครนอส!?)” ธีอาคิดในใจ

“เดอะโซลเฟธอยู่ไหน?” ผู้ชายหน้ากากถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

“พะ…พวกเจ้าพูดเีืรื่องอะไรกัน?”

“หึหึหึ” ชายในหน้ากากหัวเราะ “อย่ามาทำเป็นไก๋เลย …แม้พวกข้าจะสอนให้คนจากโครนอสปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ก็ไม่ได้แปลว่้าผู้นำอย่างพวกข้าจะโง่ัดักดานนะ หึหึ”

“…” ธีอาเริ่มทำหน้าเครียด

*ตุบ!* ชายหน้ากากกระโดดลงมายืนอยู่ตรงหน้าธีอา “การไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมันเป็นแค่การตบตาไอออสกับชวาร์ซ …พวกข้าแอบสืบรู้มาแล้วว่า พวกเจ้าคิดจะทรยศไอออส!!”

“!!!”

“ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย สมุนเมจิคัส…” *ตุบ* ผู้หญิงในหน้ากากกระโดดลงมาอยู่ข้างๆ ชายหน้ากากที่กำลังจะเปิดปากพูดต่อ “เดอะโซลเฟธอยู่ไหน!!?”

ธีอาเริ่มตั้งท่าต่อสู้ มือหนึ่งถือลูกแก้วประหลาดๆ “ไม่ใช่พวกเจ้ารึ!? ที่ชิงเดอะโซลเฟธไปก่อน?”

“… หึ… หึหึหึ” ชายในหน้ากากหัวเราะขณะค่อยๆล้วงคฑาลายศิลปะกรีกออกมาจากเสื้อคลุม หญิงในหน้ากากเริ่มตั้งการ์ดมวย “ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเจ้าไม่ยอมบอกที่อยู่เดอะโซลเฟธมา ก็อย่าหาว่าไม่เตือนละกัน!! … หนึ่ง…”

บรรยากาศนั้นเงียบสงัดเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทั้งสามปล่อยออกมา “…สอง…”

“รีลีซ!!” ทั้งสามตะโกนพร้อมกัน

—«¤»—

“(ควันจางๆตรงโน้นมันอะไรกัน?)” ฟาลิออนถามตัวเองขณะกำลัีงบินอยู่รอบนอกลานน้ำพุ เขาได้ใช้สกิลแทรค (Track)(ติดตาม) ใส่เจนาเรียไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องเก็บเดอะโซลเฟธ ทำให้เขารู้ว่าควรจะไปทางไหน “(เกิดอะไรขึ้น? เจนาเรีย… นาวา… พวกเจ้าวิ่งกันมาไกลขนาดนี้เลยรึ!?)”

*ฟิ้วว~ว* ฟาลิออนบินมุ่งตรงไปสู่เจนาเรีย ในหัวเต็มไปด้วยความกังวลใจ

*แซ่ด แซ่ด แซ่ด*

ไกลจากตรงที่ฟาลิออนบินประมาณหนึ่งกิโลเมตร คือจุดที่เดบาซใช้คาถาปล่อยควันเพื่อหนีการจับกุมของทหาร ตอนนี้ควันเริ่มจางลงมากแล้ว สถานการณ์จึงเริ่มกลับมาเป็นปกติ

*เคร้ง เคร้ง เคร้ง* กลุ่มทหารประมาณ 7-8 คนกำลังเดินตรวจความปลอดภัย

*เคร้ง กึก*

“ท่านซิเซเลีย …หยุดทำไมขอรับ?” ทหารนูทรอลเลียนายหนึ่งหันมาถามองครักษ์ซิเซเลียที่อยู่ๆก็หยุดยืนอยู่กับที่ ตาทั้งสองของเธอปิดลงเหมือนกำลังจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง

“…ท่านซิเซเลีย..?”

“…พวกเจ้าไปเถอะ…” องครักษ์ซิเซเลียเอ่ยตอบ ยังคงหลับตา “ข้าคงต้องขอตัวไปทำหน้าที่ิอย่างอื่น…”

ทหารนูทรอลเลียกลุ่มนั้นต่างมองตากัน ทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก แล้วก็มีทหารนายหนึ่งพูดความในใจออกมา “ตะ…แต่.. แต่พวกเ้ราเป็นชาวเมมโมเรียล ทะ..ท่านสเวนเซอร์ก็หายไปคนหนึ่งแล้ว …ไม่มีท่านซิเซเลีย พวกเราจะ…”

“พวกเจ้า!!” องครักษ์ซิเซเลียลืมตา ดูเธอโมโหนิดๆ “อย่าทำให้ข้าต้องโมโหไปมากกว่านี้นะ!!”

“ทะ…ท่านซิเซเลีย พวกเราไม่เคยทำงานใหญ่ขนาดนี้ พะ…พวกเรากลัว…”

*ควับ ชิ้ง* ซิเซเลียคว้าคันธนูสีทองอร่าม มีลวดลายสลักดั่งเป็นของล้ำค่าจากอาณาจักรในนิทาน แล้วง้างธนูเล็งไปที่กลุ่มทหารนูทรอลเลียกลุ่มนี้

*พรึบ* มือของเธอที่ใช้ง้างสายธนูนั้นมีพลังเอเลเมนท์ไฟปรากฎขึ้นเป็นรูปลูกธนู

“อะ..!! อ๋า..!!?” เหล่าทหารตกใจ รีบแย่งกันหลบหลังเพื่อนทหาร

“ข้าจะนับถึงสาม! ถ้าข้ายังเห็นทหารคนไหนในระยะสายตา ข้าจะยิงทันที หนึ่ง! สอง!”

*ตึก เคร้ง ควับ โครม เอี๊ยดด ตึก เพล้ง เคร้ง เคร้ง—*

เมื่อทหารนูทรอลเลียวิ่งหนีกันไปหมดแล้ว ซิเซเลียก็ลดคันธนูลงแล้วถอนใจ “เฮ้อ.. เจ้าพวกนี้…ไม่หัดมั่นใจในพลังของตัวเองซะเลย… น่าโมโหนัก… “

—♠♣♥♦—

ขณะนั้น ตรงจุดย่านพักอาศัยที่นาวากับเดบาซอยู่

แฮ่ก แฮ่ก นะ…นาวา!!” คาห์เนิร์ลวิ่งมาถึงก็ตะโกนเรียกนาวา แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะเห็นชายในเสื้อคลุมกำลังยืนเหยียบหัวนาวา ที่นอนคว่ำหน้าแน่นิ่ง

เดบาซในเสื้อคลุมค่อยๆหันมาทางคาห์เนิร์ล คาห์เนิร์ลเห็นตาสีแดงของเดบาซก็ตกใจกลัวสุดขีด

“แก…” เดบาซเริ่มพูด “ข้ายังไม่ลืมที่แกเอาตะเกียงมาลนข้า…”

“นะ…นาวา นาวาลุกขึ้นมาสิ!!”

เดบาซก้มลงไปมองนาวา ยกเท้าที่เหยียบหัวของเขาออก แล้วเตะร่างของนาวาอย่างแรงจนร่างนั้นกระเด็นมาปะทะกับหน้าท้องของคาห์เนิร์ล

*พลั่ก* “อ๊อค!” คาห์เนิร์ลพยายามรับนาวาไว้ แต่ด้วยความแรงทำให้เขาล้มหงายท้องไป

*ฟิ้วว ฟิ้วว* เดบาซเริ่มรวบรวมเอเลเมนท์ลมรอบตัวเข้าอีกครั้ง แล้วค่อยๆก้าวเท้ามาหาคาห์เนิร์ล

“นาวา!! นาวา!!” คาห์เนิร์ลลุกนั่งสองมือเขย่าร่างโทรมๆของนาวา แล้วรีบเอามือไปเชคที่จมูกของนาวา “(ไม่หายใจ!!?)”

คาห์เนิร์ลรีบเงยหน้าขึ้นมองเดบาซที่กำลังยืนบังแสงจากดวงอาทิตย์ตรงหน้า แล้วร่างของคาห์เนิร์ลก็เริ่มสั่น ดวงตาทั้งสองเริ่มมีน้ำตาไหล

*ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว* เดบาซแบมือข้างหนึ่ง มีสายลมหมุนอัดแน่นเป็นลูกบอลที่ฝ่ามือของเขา แล้วเริ่มแสยะยิ้ม “หึหึหึ คนก็อยู่ที่ลานน้ำพุกันหมด… จะฆ่าแกอีกสักคน ก็ปิดเรื่องได้สบาย หึหึหึ”

*เฟี้ยววว ฟู้ววว!!*