ตอนที่ 7 ลูเซีย เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ย!?

by thesolfaith

*เปรี้ยง* เสียงเปิดประตูของประตูใหญ่สู่ห้องอาหารที่ถูกจัดเป็นที่ประชุมของตัวแทนจากเมืองต่างๆ ในทวีปมิดมาเรีย มีพระราชาอยู่ในชุดสูทธรรมดาๆ นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอาหาร เหล่าผู้แทนของแต่ละเมืองและครอบครัวต่างหยุดทานอาหารชาววังเลิศรสที่จัดเรียงไว้อย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องอยู่ที่ประตูที่ถูกผลักเปิดออกอย่างรุนแรง

“ฝ่าบาท นี่มันอะไรกันพะยะค่ะ!? ทันทีที่หม่อมฉันฝึกวิชารบเสร็จ ก็มีคนมาบอกหม่อมฉันว่าน้องหญิงนั้นสิ้นพระชนม์แล้ว?” เด็กหนุ่มผมทองในชุดเสื้อยืดรัดรูป กางเกงขาสั้นขนสัตว์ และรองเท้าบูทหนังสัตว์ ถามอย่างร้อนรน

“ใจเย็นๆ เกรอลด์” พระราชาที่หัวโต๊ะเอ่ยตอบ “เจ้ากำลังทำให้ชาวเมโมเรียนในนี้ตกใจ”

“ตะ…แต่ฝ่าบาท แล้วงานพิธีหมั้นของหม่อมฉันกับน้องหญิงจะเป็นอย่างไรพะยะค่ะ…?”

“เรื่องนั้น…” พระราชาตอบอย่างสุขุม “เราขอบอกกับทุกคนในที่นี้เลยละกันว่า.. งานพิธีหมั้นจะยังมีขึ้นในบ่ายวันพรุ่งนี้ ตามเวลาเดิม และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น”

*แซ่ด แซ่ด* เสียงคนในห้องอาหารถามกันไปมาเพราะสงสัยในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ก่อนที่ห้องอาหารจะเงียบลงอีกครั้ง หลังจากที่แต่ละคนค่อยๆ สกิดกันให้กลับไปมองพระราชาที่กำลังนั่งมองด้วยสายตาที่บอกเป็นนัยว่ายังพูดไม่จบ

“ส่วนเหตุผลนั้น เรายังไม่สามารถบอกพวกท่านได้ เพื่อความปลอดภัยของเมืองนูทรอลเลียเอง” แล้วสายตาพระราชาก็เปลี่ยนไปจดจ่ออยู่ที่เจ้าชายเกรอลด์ “เกรอลด์— ถ้าเจ้าฝึกเสร็จแล้ว ก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วมาทานอาหารด้วยกันสิ… ถ้าเจ้าไม่มีแผนการอะไรวันนี้ เราก็อยากจะขอให้มานั่งรับฟังข่าวคราวจากเมืองต่างๆ  และมาช่วยวางแผนพัฒนาและแก้ปัญหาด้วยกัน… ไหนๆ ก็จะมาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท! ด้วยความยินดีพะยะค่ะ” เจ้าชายเกรอลด์คุกเข่าตอบอย่างเป็นพิธี แล้วรีบออกจากห้องอาหารไปอาบน้ำแต่งตัว

พระราชาหลังจากมองตามเจ้าชายเกรอลด์ออกจากห้องไปแล้ว ก็หันมาพูดกับเหล่าตัวแทนเมือง “ก็นั่นล่ะ— เรื่องสำคัญที่เราบอกไว้ว่าจะประกาศให้ทราบกันหลังทานอาหารเสร็จ… เพราะฉะนั้นคืนนี้เราอยากจะขอให้ทุกท่านอยู่กินเลี้ยงฉลองกันที่นี่ด้วยเลย ..งานราตรีนี้วางแผนไว้ด้วยความตั้งใจเต็มที่ของเหล่าคนในวัง เพื่อขอบคุณพวกท่านที่เป็นพลเมืองดีเด่น ที่ทำความดี ปิดทองหลังพระให้กับบ้านเมืองของเรา… ถ้าทุกท่านไม่ลำบากก็ขออย่าได้ทำร้ายน้ำใจของพวกเขาเลย… อ้อ.. แล้วก็ขอให้อย่าเพิ่งไปบอกคนนอกเรื่องพิธีหมั้นที่ยังจะมีอยู่ ถือว่าเราขอไว้เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม”

“พะยะค่ะ/เพคะ!” ทุกคนในห้องอาหารตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน

—«§¤§»—

หลังจากนั้นไม่นาน ที่อาคารวิทยาศาสตร์ของ Library Complex ตรงจุดขึ้นหลอดแก้วขนส่งจุดหนึ่งของอาคาร

*คลิก* มิสเตอร์ไวทีก้ากดปุ่มที่แท่นปุ่มปลายทาง ก่อนที่ครอบครัวไวทีก้าจะถูกเอเลเมนท์ลมพัดมาที่อาคารรับรองในเวลาไม่กี่นาที

“นี่ก็จะเที่ยงกว่าๆ แล้ว” มิสซิสไวทีก้าดูนาฬิกาติดผนังเรือนหนึ่งในอาคารรับรอง “เอ้า— สองคนอยากทานอะไรเป็นมื้อกลางวันกันล่ะ?”

“ก็ต้องอาหารต้นตำรับนูทรอลเลียสิคะแม่”

คาห์เนิร์ลไม่สนใจคำถามของแม่เท่าไรนัก ได้แต่หันมองไปรอบๆ และทันใดนั้นคาห์เนิร์ลก็เห็นเด็กชายที่รูปร่างเหมือนนาวาอยู่ไกลๆ กำลังวิ่งผ่านระยะสายตาของคาห์เนิร์ลด้วยความเร็ว

“อ่ะ! คาห์เนิร์ลจะไปไหน?” มิสซิสไวทีก้าร้องถามหลังเห็นลูกชายออกวิ่งเข้าไปในฝูงชน

“เหมือนเห็นเพื่อนครับ พ่อ.. แม่.. รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ!” คาห์เนิร์ลตะโกนตอบ

ดูเหมือนคาห์เนิร์ลจะไล่ตามนาวาไม่ทัน เพราะไม่รู้ว่ามีพลังอะไรสักอย่างที่มากระตุ้นให้นาวาวิ่งเร็วเป็นพิเศษ แต่ยังโชคดีที่ตามอีกคนหนึ่งที่เหมือนจะวิ่งตามนาวาอยู่ก่อนแล้วทัน

“นี่เธอ..! คนที่ใส่หมวกกับแว่นดำน่ะ เธอน่ะ!” คาห์เนิร์ลเรียกเด็กหญิงผู้นั้น

“หะ..ห๊ะ ฉันเหรอ?” หญิงแว่นดำตอบ พลางเดินเร็วตามทิศทางที่นาวาวิ่งผ่านไป

“ใช่ๆ เธอนั่นแหละ” คาห์เนิร์ลวิ่งเหยาะๆ ตามมาติดๆ  ชะโงกหน้ามองในหมู่ผู้คน แล้วเอ่ยถาม “เด็กชายที่เธอกำลังวิ่งตามอยู่.. เขาจะไปไหนรึ?”

“อ๋อ.. เขาวิ่งไปเข้าห้องน้ำน่ะ” หญิงแว่นดำหันมาตอบ

“เขาคล้ายกับเพื่อนที่ฉันกำลังตามหามากๆ เลย เขาชื่อนาวา เป็นคนเอเลฟ ใช่ไหม?”

หญิงแว่นดำหยุดเดิน แล้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบคาห์เนิร์ล “ไม่นะ ฉันเองก็ไม่รู้ชื่อเขาหรอก แต่เขาใช้ ‘เจ้า-ข้า’ เวลาพูดนะ …คงไม่ใช่คนจากมิดมาเรีย… อืม… แล้วเขาก็บอกกับฉันด้วยว่าเป็นนักรบ น่าจะมีพลังเอเลเมนท์ด้วย…”

“อ่า… งั้นก็ขอโทษด้วยจริงๆ สงสัยจะเป็นคนหน้าเหมือน เพราะเพื่อนฉันเป็นชาวเมโมเรียนธรรมดาๆ” คาห์เนิร์ลขอโทษขอโพยแล้วเดินกลับไปหาพ่อแม่และน้องสาว

แล้วนาวาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นหญิงแว่นดำกำลังเดินมาหาแต่ไกล

“เจ้านี่หน้าโหลเหมือนกันนะ” หญิงแว่นดำพูดพลางมองหน้านาวา

“..?”

“ก็มีคนมาถามข้าน่ะสิ ว่าเจ้าใช่เพื่อนของเขาที่เขากำลังตามหารึเปล่า”

นาวาขมวดคิ้ว “ใครมันจะมาตามหาข้า ข้าไม่มีเพื่อนที่นูทรอลเลียหรอก”

“นูทรอลเลียตอนนี้มีคนมากมายหลั่งไหลมาจากทั้งในและนอกทวีป จะมีคนหน้าเหมือนเจ้าอีกสักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“ว่าแต่—” นาวาจ้องไปที่ดวงตาที่โดนแว่นดำปิดบังไว้ “ดูเหมือนเจ้านี่จะอยากได้สร้อยคอนี่มากเลยนะ ..ถึงกับยอมรับข้อตกลงข้า ..แล้วยังวิ่งตามมาถึงตรงนี้อีก”

“ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าข้ามีหน้าที่นำสร้อยนั่นกลับไปคืนเจ้าหญิงเอมิลี”

นาวาก้าวเดินมุ่งหน้าไปที่ประตูทางออกอาคารรับรอง “แต่ข้าก็ยังคิดว่าเรื่องราวของเจ้ามีช่องโหว่มากไปอยู่ดี… ข้าว่าเจ้าไม่ได้ชื่อลูเซีย และไม่ได้เป็นองครักษ์หรอก”

“จะ..เจ้าเอาอะไรมาพูด!! ขะ..ข้าตอบตกลงจะพาเจ้าไปสวนสนุกนูทรอลเลียเป็นข้อแลกเปลี่ยนแล้วนะ! เลิกสงสัยข้าสักทีเถอะ!” หญิงแว่นดำพูดขณะเดินตามอยู่ข้างหลังของนาวา

»»»

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านสวนหน้าพระราชวัง หญิงแว่นดำที่เดินตามหลังนาวามาตลอดทางก็เอ่ยขึ้น “เจ้าชื่ออะไร? เป็นใครกันแน่? เจ้ามาจากส่วนไหนของทวีปไอออส?”

นาวาตอบโดยไม่หันหลังมามองเด็กหญิงที่กำลังเดินตามข้างหลัง “นั่นสินะ— ข้าเองก็สงสัยเจ้าเช่นเดียวกัน .. อืม.. ถ้าว่าตามหลักการมีดโกนอ๊อกคัม (Occam’s razor) ข้าคงจะตั้งข้อสมมติฐานเกี่ยวกับเจ้าได้สองกรณี หนึ่งคือเจ้าเป็นสายลับมาขโมยสร้อยนี่ …หรือสองคือเจ้าเป็นเจ้าของสร้อยนี่ซะเอง”

“ขะ..ข้าบอกแล้วไงว่าข้าเป็นองครักษ์!! เชื่อกันบ้างสิ!!” น้ำเสียงจริงจังของหญิงแว่นดำดังมาจากด้านหลังของนาวา

“เจ้าเป็นองครักษ์ที่ไม่มีเอเลเมนท์ …ไม่สามารถปกป้องใครได้ …มาเอาสร้อยไปคืนให้เจ้าหญิงที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว…” นาวาหยุดเดิน เพราะที่ด้านหน้าของนาวาเป็นประตูพระราชวัง “เอาล่ะ.. ถ้าเจ้าเป็นองครักษ์จริงๆ  ก็ลองพิสูจน์ด้วยการพาข้าออกจากเคโมสเฟียนี่สิ”

“ได้!” หญิงแว่นดำเดินไปที่ป้อมทหารเฝ้าประตูที่เห็นอยู่แต่ไกลๆ  แต่ไม่ได้เข้าไปพูดอะไรกับทหารเฝ้าประตูสักนิดเดียว แล้วก็เดินกลับมา พร้อมบอกนาวา “แค่นี้นายก็ออกไปได้แล้ว”

“ห๊ะ!? เจ้ายังไม่ได้พูดอะไรกับทหารสักคำเนี่ยนะ!?” นาวาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ข้ายังอายุ 12 ปี ถ้าพ่อข้าไม่มาพาออก ข้าจะออกได้ยังไง!?” แล้วนาวาก็แอบทำสีหน้าผิดหวัง

“หุหุหุ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!” หญิงแว่นดำอยู่ดีๆ ก็หัวเราะขึ้นมา

“หัวเราะอะไรกัน!?”

“ฮ่ะฮ่ะ…” หญิงแว่นดำพยายามกลั้นหัวเราะ แล้วเริ่มพูด “จริงๆ แล้วเจ้าก็— ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่ข้าคิดไว้นะ”

“จะ..เจ้าพูดอะไรของเจ้า!?”

หญิงแว่นดำตอบด้วยหน้ายิ้มๆ “ก็สีหน้าเจ้าน่ะสิ หุหุ เห็นอยู่โท่งๆ ว่าเจ้าผิดหวัง… ผิดหวังที่ข้าไม่ได้คุยอะไรกับทหารเฝ้าประตูใช่ไหมละ?”

นาวาหลบหน้าหญิงแว่นดำแล้วเริ่มพูดตะกุกตะกัก “คะ..ใคร..ใครบอก ว่าข้าผิดหวัง!? ข้าไม่ได้ผิดหวังอะไรสักหน่อย… ขะ..ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าน่ะ เป็นองครักษ์ตัวปลอม!”

“เหรออ~อ— เจ้าไม่เชื่อว่าข้าเป็นองครักษ์… แต่กลับยื่นขอเสนอที่ต้องพาเจ้าออกจากเคโมสเฟียของวัง.. อืม… และเจ้าเองก็รู้ดีว่านอกจากพ่อของเจ้าแล้ว คงมีแต่พระราชา เจ้าหญิง และเหล่าองครักษ์เท่านั้นที่มีอำนาจพอที่จะพูดกับทหารให้พาเจ้าออกไปได้” หญิงแว่นดำหยอกนาวาอย่างสนุกสนาน “หุหุหุ ที่ใครทีมันนะจ๊ะ ♪”

“จะ…เจ้า!!”

หญิงแว่นดำตัดบทนาวาทันที “เจ้าหวังในใจว่าข้าจะพาเจ้าไปที่สวนสนุก.. พูดเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่า… ตลอดทางที่เราเดินมา เจ้าเดินนำหน้า.. หันหลังให้ข้าตลอด เพราะเจ้ารู้ว่าตัวเองเก็บอารมณ์สีหน้าของตัวเองไม่เป็น ใช่ไหมล่ะ? หุหุหุ”

“นะ..นี่! ขำอะไรของเจ้านักหนาเนี่ย!?”

“ตอนแรกข้าเกลียดเจ้านะ♪— แต่ตอนนี้ไม่แล้วละ หุหุหุ ใครจะไปเกลียดเด็กน้อยอย่างเจ้าได้ลงคอล่ะ จริงไหม?”

นาวาลุกลี้ลุกลนพยายามเสาะหาคำพูดมาเถียงแก้ตัว “ละ..แล้วข้าพูดถูกไหมล่ะ!? ที่ว่าเจ้าเป็นองครักษ์เก๊น่ะ!!”

หญิงแว่นดำหัวเราะให้กับคำแก้ตัวของนาวา แล้วตอบกลับ “เจ้ายังไม่ลองเดินออกไปเลย… แล้วก็มาตัดสินว่าข้าทำไม่ได้ เพียงเพราะข้าไม่ได้เข้าไปคุยกับทหารเฝ้าประตูแค่นั้น… ด่วนสรุปเหมือนเด็กเล็กๆ เขาทำกันเลยนะ หุหุหุ”

“นะ..หนอยย!! ได้..! ข้าจะวิ่งอัดกำแพงให้หัวแตกไปเลย!! จะได้เห็นกันไปเลย!! ย๊ากกก!!” ว่าแล้วนาวาก็วิ่งเต็มสปีตมุ่งหน้าสู่เคโมสเฟียที่ประตูพระราชวัง “…เหมือนตอนที่เจ้าหลอกข้าว่ามีพลังเอเลเมนท์!! ให้มันรู้กันไปเลยว่าเจ้าเป็นสิบแปดม…”

*ชว้าง* “*ตี๊ดด* นาวา นาร์สท (Nava Narst) ได้ออกจากเคโมสเฟีย”

_↓↓↓_

*เคร้ง เคร้ง* ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง สเวนเซอร์ที่กลับมาจากการตามล่าตัวคนร้ายในเมืองตั้งแต่เมื่อเช้ามืด เดินมาเคาะประตูห้องนอนของเจ้าหญิงเอมิลี *ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

“องค์หญิง” *ตึง ตึง ตึง* สเวนเซอร์เคาะประตูแรงขึ้น “องค์หญิงพะยะค่ะ หม่อมฉันนำอาหารมื้อกลางวันมาให้เสวยพะยะค่ะ… เจนาเรียยังไม่ฟื้นจากเหตุการณ์เมื่อคืน ส่วนพลทหารจิมต้องอยู่คอยเฝ้าเจนาเรียน้องสาวของเขา เลยเหลือแค่หม่อมฉันพะยะค่ะ…”

สเวนเซอร์เริ่มคิดในใจ “(ทำไมไม่มีเสียงตอบ? คงกำลังหลับสนิทพักฟื้นจากเหตุการณ์เมื่อคืน— …!! หรือว่าจะแอบออกไปที่หอแห่งความรู้อีก!?)”

*ตึง ตึง ตึง ตึง*  สเวนเซอร์เคาะประตูรัวๆ สีหน้าเป็นกังวล แล้วส่งเสียงดังด้วยใจร้อนรน “องค์หญิง! องค์หญิง! ออกไปข้างนอกไม่ได้นะพะยะค่ะ!! ฝ่าบาททรงมีรับสั่งเมื่อเช้า ว่าจะมีแค่ฝ่าบาท จิม และหม่อมฉันเท่านั้นที่รู้ว่าองค์หญิงและเจนาเรียรอดจากเหตุการณ์เมื่อคืน!!” *ตึง ตึง ตึง*

สเวนเซอร์ขมวดคิ้ว ตามองประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะพูดกับคอมพิวเตอร์เคลโมเรียนด้วยเสียงดังก้องโถงทางเดิน “เคลโมเรียน! ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตในห้องเจ้าหญิงเอมิลี!!”

‾↑↑↑‾

ขณะเดียวกันนั้นเอง กลับไปที่ประตูพระราชวัง

นาวาที่เพิ่งวิ่งผ่านเคโมสเฟีย หยุดกึกอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับไปมองประตูพระราชวังพร้อมอุทานเสียงดัง “ห๊ะ..!! เฮ้ย!!?”

“ชื่อนาวา… หุหุหุ” หญิงแว่นดำที่ยังอยู่อีกฝั่งนึงของเคโมสเฟียเริ่มก้าวเท้าเดินมาหานาวาช้าๆ “เด็กชายนาวา นาร์สท— หวังว่าคงเคยได้ยินสุภาษิตนี้นะจ๊ะ… ‘เคลโมเรียนไม่มีวันโกหก’ หุหุหุ”

นาวาที่ทำหน้างงแบบสุดขีด เริ่มควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ “ยะ..อย่าเข้ามา!! จะ..เจ้า! ตะ..แต่เจ้าไม่ได้พูดกับทหารสักคำนินา!? จะ..เจ้า..เจ้าคือเจ้าหญิงใช่ไหม!? เจ้าต้องเป็นเจ้าหญิงเอมิลีอะไรนั่นแน่ๆ!! นั่นสิ! ถึงได้ปิดหน้าปิดตา”

*เกร้ง เกร้ง* นาวาล้วงสร้อยกุญแจซอลออกมาจากกระเป๋ากางเกง “จะ..เจ้ามาเอาสร้อยนี่สินะ! หลังจากที่เจ้ารอดจากเหตุระเบิดเมื่อคืน!!”

*ตึก ตึก* เสียงหญิงแว่นดำเดินเข้ามาใกล้เคโมสเฟียขึ้นเรื่อยๆ “นาวา ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าเคลโมเรียนน่ะ— ไม่มีวันโกหก..”

*ชว้าง!!!—…

_↓↓↓_

“*ตี๊ดด* เคลโมเรียนพระราชวังนูทรอลเลีย … ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต  ห้องเจ้าหญิงเอมิลี … *ตี๊ดด* … ไอดี 0035 เจ้าหญิงเอมิลี แอมิที …”

สเวนเซอร์สีหน้าโล่งอก เหมือนมีใครมายกภูเขาทั้งลูกออกจากอก แล้วถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ— แล้วไป…”

‾↑↑↑‾

…—ชว้าง* เสียงหญิงแว่นดำเดินผ่านเคโมสเฟีย

“*ตี๊ดด* … ไอดี 7335 องครักษ์ลูเซีย พินนาเคิล (Lucia Pinnacle) ได้ออกจากเคโมสเฟีย”