ตอนที่ 5 เวลาและความรู้

by thesolfaith

*ตึก ตึก ตึก* “แฮ่ก แฮ่ก องค์หญิง.. เจนมองไม่เห็นอะไรเลยเพคะ แฮ่ก แฮ่ก เราจะวิ่งอย่างนี้อีกนานเท่าไรกันเพคะ?”

แฮ่ก อย่าปล่อยมือฉันนะเจนา ฉันพอจำทางได้”

*ตึก ตึก ตึก* เด็กสาวสองคนวิ่งในความมืด เจนาเรียที่วิ่งมือซ้ายถกกระโปรงเรเนซองส์ มือขวาจับมือเจ้าหญิงเอมิลี่ ครุ่นคิดอยู่ในใจครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เกิดปิ๊งขึ้นมา เหมือนจิ๊กซอว์ทุกชิ้นต่อกันลงตัว— ปิดเคลโมเรียน.. กลางดึกคืนที่ทหารออกไปดูแลความปลอดภัยก่อนงานพิธี

“ไม่ได้นะเพคะ!!” เจนาเรียร้อง ทำสีหน้าตกใจ “แฮ่ก แฮ่ก หอนาฬิกาเป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนที่ไม่มีคลาสนะเพคะองค์หญิง!”

แฮ่ก ถ้าเธอไม่ไปกับฉันฉันจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้นะ”

“เจนได้ยินมาว่ามีเคโมสเฟียกั้นชาวเมโมเรียนจากหอนาฬิกานะเพคะองค์หญิง แฮ่ก แฮ่ก และเคโมสเฟียยังทำงานแม้เคลโมเรียนจะปิดตัวชั่วคราว แฮ่ก เฮืออ.. องค์หญิงเพิ่งได้รับพลังเอเลเมนท์เมื่อปีที่แล้วนะเพคะ ยังไม่ครบระยะฟักตัว 3 ปีของพลังธาตุเลย”

“เจนา แฮ่ก อย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลย แฮ่ก เดี๋ยวก็กัดลิ้นหรอก … กลั้นใจหน่อยนะ แฮ่ก นี่ก็จะถึงอาคารวิทยาศาสตร์แล้ว..” เจ้าหญิงวิ่งจูงมือเจนาเรียในความมืด *ตึก ตึก ตึก*

—▓▓▓▓—

*เต้ง เต้ง* เสียงหอนาฬิกาดังทั่วตัวเมืองนูทรอลเลียบอกเวลาเที่ยงคืนตรง ในตัวเมืองยังคงมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาจากประตูเมืองสองประตูอย่างไม่ขาดสาย

“ดูสิ!! ทหารคนนั้นบินเร็วมาก มีทหารเต็มเมืองเลยด้วย!!” นาวาร้องด้วยความตื่นเต้นอยู่ในหน้าต่างชั้นสองของบ้านเกสท์เฮาส์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่แถวๆ ประตูเมืองเวสท์เกท

*ครืดด* มิสเตอร์นาร์สทเดินมาปิดม่านหน้าต่าง “เที่ยงคืนแล้ว นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”

“เฮ้อ” นาวาเดินไปที่เตียงด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

*เฟี้ยวว* ที่นอกหน้าต่างมีทหารคนหนึ่งบินผ่าน สองมืออุ้มองครักษ์สเวนเซอร์อยู่

“ท่านสเวนเซอร์ ทางนี้ขอรับ” หน่วยทหารที่อยู่หน้าเวสท์เกทกวักมือเรียก

*ตุบ* ทหารที่อุ้มสเวนเซอร์ปล่อยสเวนเซอร์ลงที่พื้นถนนตรงหน้าเหล่าทหาร

“พวกมันอยู่ไหน!?” สเวนเซอร์เอ่ยถามอย่างร้อนรน

“สามคนสวมเสื้อคลุมปิดหน้าปิดตา หนึ่งคนออกนอกเมืองไปแล้ว ส่วนอีกสองคนเรากำลังต้อนล้อมไว้ กระผมจะนำท่านไปที่จุดนั้นขอรับ”

“ดี! ที่เหลือไปขอกำลังเสริมมาจากหน่วยอื่น… มีผู้บาดเจ็บไหม…?” สเวนเซอร์ออกเดินตามทหารนำทาง ไปทางทิศใต้ของเวสท์เกท

—▓▓▓▓—

เวลา 12:14 น. เหนือน่านน้ำทางทิศใต้ของนครนูทรอลเลีย

*โครม ซ่าา ซ่าา* เสียงคลื่นลมพัดแรงในความมืด มองเห็นสวนสนุกของนูทรอลเลียอยู่แต่ไกลทางเหนือ มีชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนทะเลแปรปรวน น้ำทะเลรอบๆเท้าของชายคนนี้นิ่งดั่งน้ำที่ทะเลเดดซี (Dead Sea) (ทะเลมรณะ)

*ซูมม!! ซ่าา* มีมอนสเตอร์รูปร่างเป็นฉลามหัวค้อนโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ อ้าปากโชว์ฟันที่แหลมคม พุ่งเข้าจู่โจมชายคนนี้

*ตูมมม!! ซ่าาา* แค่พริบตาเดียว เกิดน้ำวนรุนแรงกระชากฉลามลงสู่ก้นทะเล แล้วน้ำวนก็หายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นน้ำนิ่งๆ รอบๆสองเท้าของชายคนนี้

*ฟวีว-วว* มีชายอีกคนหนึ่งในเกลียวสายลม ลอยเข้ามาหาชายผู้ปราบฉลาม สวมชุดรัดรูปเหมือนกับชุดขององครักษ์หญิงซิเซเลียแห่งอาณาจักรครีอุสทุกประการ ยกเว้นลายแสงที่เป็นสีเงิน

“ที่ทิศตะวันตก ไม่มีอะไร.. เหตุการณ์ปกติ” ชายในชุดรัดรูปเอ่ยขึ้น

ชายปราบฉลามพยักหน้ารับ แล้วตอบกลับ “แต่ที่ทิศตะวันออก ข้าเพิ่งประทะกับคิวปิด อีรอส (Cupid Eros) มา”

“เฮ้ย ยอห์น!! เจ้าบาดเจ็บอะไรตรงไหนรึเปล่า!?”

“อีรอสบอกข้าว่า.. เดอะ เลกะซีส์… ‘แปด’ จะมาบรรจบกันวันงานพิธี…” ยอห์นเอ่ย

“พิธีหมั้นน่ะเหรอ..? แปด… หืมม… นาย, อีรอส, เจ้าหญิงเอมิลี, เดอะโซลเฟธ, โซลสโตน… ก็แค่ 5 นินา”

ยอห์นเอามือข้างนึงมาจับคางทำท่าครุ่นคิด แล้วเริ่มพูด “ท่านมาริโอ โครนอส (Mario Chronos)… ไม่เคยมีใครตามความคิดท่านทัน ถ้าท่านจะมางานนี้คงไม่มีใครล่วงรู้ได้… แล้วก็… ราด์วิน ฮาร์ล (Radwin Harl) ไซเอินทิสท์ (Scientist) (นักวิทยาศาสตร์) สติเฟื่องอาจจะโผล่มาทำลายงานก็ได้”

“สองคนนั้น— ยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?”

“ข้าก็ว่าไม่น่าเป็นไปได้ ..หรือว่าสองคนนี้มีลูกหรือลูกศิษย์ที่ไอออสไม่รู้อยู่… แต่ช่างเถอะ— ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือถ้าวันงานมะรืนนี้เป็นวันตามคำทำนายจริงๆ ก็แสดงว่า…” ยอห์นเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เคร่งเครียด

“ย..อย่าบอกนะว่า… บ้าชะมัด! พวกนั้นคิดจะทรยศไอออสเหรอเนี่ย..!?”

ฟอลลิออน (Fallion) เจ้าไปแอบคุ้มกันเจ้าชายเกรอลด์กับเจ้าหญิงเอมิลีอยู่ห่างๆละกัน ส่วนข้าจะออกเดินทางไปถามความจากพวกนั้นให้แน่ชัดด้วยตัวเอง”

“ได้! ยอห์น ขอให้นายปลอดภัยนะเพื่อน” ฟอลลิยอนบอกลายอห์น เพื่อนรักของเขา

*ฟวีวว ซ่าา* ทั้งสองแยกทางกัน

ระหว่างที่เดินอยู่บนน้ำ ยอห์นพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เดอะ เมจิคัสส์ (ตระกูลเมจิคัส) …พวกนั้นคิดจะล้มไอออสรึนี่??”

—▓▓▓▓—

12.42 นาฬิกา

“เจนไปต่อไม่ไหวแล้วเพคะองค์หญิง แฮ่ก แฮ่ก เฮือก วิ่งมาเป็นชั่วโมงแล้ว แฮ่ก แฮ่ก ทิ้งเจนไว้ตรงนี้เถอะเพคะ”

*ปั่กก* เจนาเรียวิ่งไปชนกับเจ้าหญิงข้างหน้าที่หยุดอย่างกระทันหัน

แฮ่ก รู้สึกว่า… นี่จะเป็นทางเข้าหอนาฬิกานะ แฮ่ก แฮ่ก” เจ้าหญิงพูดขึ้น

เจนาเรียก้มลงเอามือท้าวหัวเข่าแล้วหายใจอย่างเหนื่อยล้า “แฮ่ก เฮือก เราสองคนไม่มีพลังเอเลเมนท์ จะผ่านเคโมสเฟียของหอนาฬิกาได้อย่างไรเพคะ? แฮ่ก แฮ่ก กลับเถอะเพคะองค์หญิง มาได้เท่านี้ก็ไกลมากพอแล้วเพคะ”

“รีลีซ..” *พรึบ* มีดวงไฟเล็กๆ เท่าไฟจากไม้ขีดปรากฎบนฝ่ามือขวาของเจ้าหญิงเอมิลี

“..!! เป็นไปได้อย่างไรเพคะ!! พลังเอเลเมนท์ใช้เวลาฟักตัวอย่างต่ำก็สามปีนิเพคะ!?”

“นั่นน่ะสิ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เจ้าหญิงเอ่ย “เหมือนเป็นฝีมือของโซลสโตนที่ท่านยอห์นให้มา …ที่มาที่หอสมุดนี่ก็เหมือนเป็นการนำของโซลสโตน…”

“..ซ..โซลสโตน..” เจนาเรียเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่โซลสโตนที่ห้อยอยู่ที่คอของเจ้าหญิงเอมิลี

“ใช่แล้วเจนา.. ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีพลังอะไรซ่อนอยู่— แล้วดูสิ.. วันนี้กลับยังไม่มีทหารมาลาดตระเวนแถวนี้ ..ฉันเองไม่คิดเลยว่าเราจะมาได้ไกลขนาดนี้โดยที่องครักษ์สเวนเซอร์ยังไม่รู้..” เจ้าหญิงหันมามองตาเจนาเรียสีหน้าจริงจัง “เจนา.. ที่เราสองคนมายืนอยู่ตรงนี้.. ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะ… —เอาล่ะ..! จับมือฉันไว้”

*ตึก ตึก ตึก* เสียงฝีเท้าของเด็กสาวสองคนเดินมุ่งหน้าสู่เคโมสเฟียตรงทางเข้าหอนาฬิกา

*โป๊ก โป๊ก* “โอ๊ยย!!” เจนาเรียร้อง หลังจากหน้าของเธอชนกับเคโมสเฟีย

“โอย.. ทำไมเราถึงไม่ผ่านเข้าไป?” เจ้าหญิงถามอย่างสงสัย มือซ้ายกุมหน้าผากส่วนที่ไปชนกับเคโมสเฟีย แล้วใช้มือขวาที่มีดวงไฟลอยอยู่ ส่องผนังรอบๆ

‘หอแห่งความรู้ สำหรับผู้ที่มีคลาสแล้วเท่านั้น’ อักษรจารึกอยู่ที่ผนังด้านบนของประตูทางเข้า

“หืมม..แสดงว่าพลังเอเลเมนท์ต้องเป็นพลังระดับคลาส…” เจ้าหญิงครุ่นคิด

“องค์หญิง!!” เสียงเจนาเรียร้องด้วยความตกใจ ชี้ไปที่สร้อยคอของเจ้าหญิง

เจ้าหญิงเอมิลีค่อยๆก้มลงมองสร้อยคอของเธอ ที่กำลังสั่นและเรืองแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ

—▓▓▓▓—

12.45 น.

บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนครนูทรอลเลีย สเวนเซอร์กับกลุ่มทหารยืนอยู่บนหลังคาบ้าน หันหน้าไปทางทิศตะวันตก

“ฉันรู้นะ ว่าพวกแกอยู่แถวนี้!! คลายคาถาพลางตาแล้วยอมมอบตัวซะเถอะ ก่อนที่อิลลูชั่นนิสท์ของเราจะมา.. พวกเราล้อมพวกแกไว้หมดแล้ว!!” สเวนเซอร์ตะโกนเสียงดัง แล้วหันไปถามกลุ่มทหารที่ยืนอยู่ด้านหลัง “อิลลูชั่นนิสท์ในหน่วยพวกนายหายไปไหนหมด!?”

“ทั้งสามคนถูกทำร้าย ถูกส่งไปรักษาตัวที่ราชวังอยู่ขอรับ” ทหารคนหนึ่งตอบ

“หึ! ฉลาดนักนะพวกแก”

*เคร้ง ควับ ตึก เคร้ง* สเวนเซอร์หัวหน้าองครักษ์แห่งนูทรอลเลียที่มีหน้าฝรั่ง ผมดำ วัยประมาณ 30 กว่าๆ มีร่างกายกำยำเหมือนนักกล้าม ถอดดาบใหญ่เหมือนท่อนเหล็กที่สะพายอยู่ที่หลัง แล้วก้มนั่งขัดสมาธิ วางดาบใหญ่ไว้บนตัก

*เคร้ง เคร้ง เคร้ง* เสียงชุดเกราะของเหล่าทหารกระทบกัน ขณะที่ทหารด้านหลังเริ่มลงนั่งตามสเวนเซอร์

ชุดเกราะนูทรอลเลียทำจากไลท์ สโตน (Light Stone) หินที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าเหล็ก แต่มีน้ำหนักเบา

ชุดทหารประกอบด้วยหมวกเกราะสีเงิน เสื้อเกราะโซ่สีเงิน เกราะไหล่สีเงินมีส่วนยืนออกด้านข้างเป็นรูปปีกนก เกราะขาและเกราะรองเท้าสีเงิน ผ้าคลุมหลังสีเทาเข้ม มีโลโก้ MMR อยู่ที่แขนซ้ายขวา

“คิดจะทดสอบความอดทนฉันรึไง.. ได้..!” สเวนเซอร์พูดเสียงดัง “มานา (Mana) (พลังเวทย์มนต์) ของพวกแกหมดแล้วคาถาลวงตาคลายเมื่อไร— เตรียมตัวเป็นผงธุลีได้เลย ไอ้พวกขี้ขลาด!!”

—▓▓▓▓—

เวลา 12:51 นาฬิกา ในหอแห่งความรู้ชั้นแรก ด้านในเป็นห้องโถงกว้างใหญ่เหมือนห้องโถงคฤหาสน์ มีบันไดคฤหาส์อยู่ด้านหน้ามีบันไดประมาณสิบขั้นบันได แล้วมีบันไดแยกไปซ้ายขวา ออกแบบเป็น Symmetry (สองด้านมีลักษณะเหมือนกัน) ที่ผนังรอบๆ ถูกเจาะทำเป็นชั้นหนังสือ มีหนังสือเต็มผนังรอบด้าน

เจ้าหญิงและเจนาเรียเดินขึ้นบันไดกลางมา แล้วเห็นที่ผนังตรงหน้าเป็นแผนที่โลกอันใหญ่ในกรอบรูปทองลวดลายเก่าแก่

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าโซลสโตนจะพาเราเข้ามาในนี้ได้” เจ้าหญิงเอ่ยพลางชูมือขวาส่องแผนที่โลก พอเพ่งมองดีๆ ก็นึกในใจ “(ทำไมมีทวีปที่ขั้วโลกใต้!? ที่เรียนจากครูในวัง ขั้วโลกใต้เป็นมหาสมุทร ไม่มีแผ่นดินนินา..)” แล้วเจ้าหญิงก็จ้องไปที่ชื่อของทวีป “(ทวีปชวาร์ซ (Schwarz)!? นี่มันอะไรกัน!? แล้วเกาะรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนนี่ก็ไม่มีในแผนที่ที่เราเรียน… เกาะโซโนวา..!?)”

ทั้งสองเดินขึ้นบันไดซ้าย พอขึ้นมาถึงชั้นสองก็เห็นป้ายลอยอยู่กลางอากาศ อ่านว่า ‘หอแห่งความรู้ชั้นสอง: เมือง และทวีปต่างๆ’

มีชั้นหนังสือมากมาย เรียงเหมือนห้องสมุดธรรมดา เพียงแต่ชั้นหนังสือเป็นกระจกใสทำให้มองเห็นเหมือนหนังสือลอยอยู่กลางอากาศ และหนังสือในหอแห่งความรู้ถูกปกป้องไม่ให้สึกขาดด้วยเกราะเอเลเมนท์ และต้องใช้พลังเอเลเมนท์ในการเปิดอ่าน

เจ้าหญิงเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีปกสันชื่อว่า ‘เกาะโซโนวา’

*หมับ* เจ้าหญิงรีบหยิบขึ้นมาเปิดดูรูปอย่างลวกๆ แล้วคิดในใจ “(นี่มันเกาะในความทรงจำของท่านยอห์นนินา… แต่ทำไมในความทรงจำเมืองถึงโดนทำลาย ฟ้ามืดสนิท..? ทั้งๆที่ภาพในหนังสือนี่ บ้านเมืองส่องแสงงามดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้า..)”

_↓↓↓_

*เต้ง เต้ง* เสียงหอนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่ง ที่ด้านล่างรอบนอกของ Library Complex พลทหารจิมกำลังเดินตรวจกำแพงด้วยตาสองข้างที่เรืองแสงสีแดงอ่อนๆ

“ตีหนึ่งแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ.. ไม่เห็นจะมีรงรูอะไรเลย ท่านสเวนเซอร์คิดมากไปเอง.. ไอ้เราเลยต้องมาซวยเดินตรวจกำแพง.. น่าเบื่อชะมัด” จิมบ่น แล้วหยุดเดิน นั่งลงพิงต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมองทองฟ้าที่ไม่มีดาวสักดวงเพราะเป็นคืนเดือนมืด

“จะว่าไป นี่ก็จะ 7 ปีแล้วสินะ— ที่เรากับน้องสาวเข้ามาทำงานในวัง… จะ 7 ปีแล้วสินะ ที่พ่อกับแม่จากเราสองคนไป… คิดถึงเสียงดนตรีของพวกท่านจริงๆ ..หลายๆคนในวังก็บ่นคิดถึง..” จิมลุกขึ้นยืน แล้วเอามือสองข้างตบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วบอกกับตัวเอง “มานั่งถ่ายเอ็มวีอะไรตอนนี้เนี่ย! ทำงาน ทำงาน! … —แต่ก็นะ.. ผ่านมาจะ 7 ปี ก็ยังลืมเสียงดนตรีของพวกท่านไม่ได้เลย… ลืมไม่ได้เลยจริงๆ”

‾↑↑↑‾

*ตึก แกร๊ก ติ๊ก— ตึก เคร้ง ตอก—* ที่ชั้น 20 ของหอแห่งความรู้ เด็กสาวสองคนกำลังเดินผ่านฟันเฟืองขนาดใหญ่หลายอัน มีเครื่องจักรรอบๆ มีแสงไฟสีเหลืองแลบไปมาเหมือนไฟฟ้ารั่ว

แฮ่ก แฮ่ก วิ่งขึ้นบันไดแบบนี้ พรุ่งนี้เจนต้องกลายเป็นนักวิ่งแน่เลยเพคะ องค์หญิง แฮ่ก แฮ่ก… ว่าแต่… แฮ่ก พอมาอยู่ข้างในหอนาฬิกา เสียงนาฬิกาเดินนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะเพคะองค์หญิง”

เจ้าหญิงเดินจูงมือเจนาเลียมุ่งหน้าผ่านหนังสือต่างๆ บนชั้นกระจก สู่บันไดขึ้นชั้น 21 ที่เห็นอยู่ไกลๆ ในความมืด

แฮ่ก เวลา.. เป็นสิ่งน่ากลัว..” เจ้าหญิงพูดขึ้น “เวลา—ล่อล่วงให้ใจคนเปลี่ยน.. แฮ่ก แฮ่ก เวลาคร่าชีวิตผู้คนมากมาย..และไม่เคยให้ชีวิตกับผู้ใด… คนมักพูดกันว่า เวลารักษาทุกสิ่ง แฮ่ก.. แต่ฉันว่าไม่นะ.. เวลารักษาแผลเป็นไม่ได้หรอก”

“องค์หญิง..” เจนาเรียมององค์หญิงด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“ถ้าฉันทำให้ท่านพ่อมีแผลเป็น.. แต่ท่านพ่อกอดฉันไว้ในอก บอกกับฉันว่าไม่เป็นไร ว่าท่านรักฉัน ฉันคงจะปล่อยวางความเจ็บปวดนั้นลง แล้วเปลี่ยนแผลเป็นนั้นเป็นบทเรียนเตือนใจ… เจนา.. ฉันคิดว่า สิ่งที่รักษาเราคือความรักนะ.. ไม่ใช่เวลาที่เลยผ่าน”

*ตึก* เจ้าหญิงหยุดที่ผนังข้างบันไดสู่ชั้น 21 *กึก กึก กึก* เสียงโซลสโตนเริ่มสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหญิงเอื้อมไปหยิบหนังสือเก่าๆ ในส่วนของกำแพงชั้นหนังสือที่ถูกบันไดบัง หนังสือไม่มีคำบรรยายอะไรเลยที่สัน ไม่มีหน้าปก

เจ้าหญิงเริ่มคิดในใจ “(เหมือนว่าโซลสโตนนำเรามาหาหนังสือนี่… ทำไม..? หนังสือนี่ดูเหมือนไม่มีอะไร เหมือนไม่มีคนหยิบมาอ่านเลย… ทำไมถึงอยู่หลังบันได อยู่ในจุดที่เหมือนว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีความสำคัญอะไร…)”

เจ้าหญิงเปิดหนังสืออ่านหน้าแรกอย่างรวดเร็ว

*ควับ แกรบ* เจ้าหญิงเปิดหนังสือไปหน้าที่สอง ยังคงมึนงงกับหน้าแรกที่อ่านไป

“(นี่มันหนังสืออะไรกัน..? ไม่มีคำนำอะไรทั้งสิ้น.. เริ่มหน้าแรกด้วยคำทำนายโบราณอะไรสักอย่าง… อะไรคือ ‘สิบสอง’? อะไรคือ เดอะ เลกะซีส์??)” แล้วเจ้าหญิงก็เริ่มอ่านหน้าสองในใจ “(เวลาของข้าเหลือน้อยลงทุกที— ..จินด์ (Gind) และราด์วิน คงจะมาเอาชีวิตข้าในไม่ช้า เพราะข้าได้ล่วงรู้ความลับชั่วร้ายของพวกเขา… ถ้าข้าหนีไปโพเลสตาร์ (Polestar) ข้าคงจะปลอดภัย.. แต่ว่าลูกสาวสุดรักของข้ายังเด็กเกินไปที่จะเดินทางออกนอกทวีปเมโมเรียล และ..ข้าเป็นราชินีของที่นี่ด้วย… —…หน้าถัดๆ ไปจากนี้ ข้าจะเขียนถึงข้อมูลและความลับของจินด์และราด์วิน รวมทั้งข้อมูลของพวกเราอีก 10 คน รวมตัวข้าเองด้วย… ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเปิดอ่านมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นคาถาแฟลร์ (Flare) (ระเบิดด้วยไฟ) ที่ข้าใส่ไว้ในหนังสือจะทำงานทุกครั้งที่หน้าถัดไปถูกเปิด เว้นแต่ถ้าผู้นั้นมีกุญแจสามดอกสำหรับหนังสือเล่มนี้ นั่นคือ โซลสโตน ท่านเอออน และ— เอมิลี ลูกสาวผู้เป็นดวงใจน้อยๆของข้า)”

เจนาเรียมองเจ้าหญิงด้วยความสับสน *กึก กึก กึก* โซลสโตนสั่งรุนแรงและเริ่มเรืองแสง เจ้าหญิงเริ่มร้องไห้ตัวสั่นเทา “องค์หญิง..! องค์หญิงเพคะ เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

ฮึก ฮือ ฮือ ทะ…ท่านแม่…” เจ้าหญิงร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายน้ำ มือขวาที่มีดวงไฟน้อยๆ เคลื่อนที่ไปทำท่าจะเปิดหน้าถัดไป “หนูขอโทษเพคะ.. ฮือ ท่านแม่… แผลเป็นในใจของท่าน… ฮึก ฮึก หนูขอโทษที่ตอนนั้นทำตัวไม่ดี… ฮือ ฮือ เวลาไม่เคยรักษาหนูเลย.. ท่านแม่เพคะ.. หนูคิดถึงท่านใจจะขาด…”

*ควับ แกรบ* เสียงเจ้าหญิงเปิดหนังสือไปหน้าถัดไป

*ตูมมมมมม!!!!* เสียงระเบิดดังสนั่นแผ่นดิน ฟันเฟืองนาฬิกาลอยกระเด็น กำแพงแตกเป็นเสี่ยงๆ มีควันดำกลบอากาศรอบๆรูระเบิด หนังสือที่ถูกปกป้องด้วยเกราะเอเลเมนท์ร่วงกราวเป็นสายฝน เครื่องจักรเหล็กของนาฬิกากับคริสตัลเหลืองที่ให้พลังงานกับนาฬิกาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทุกสายตาของเหล่าผู้คนบน Processional Way ต่างจดจ่อไปที่หอนาฬิกาที่เห็นรูเบ้อเร่อกับควันไฟแต่ไกล

“นั่นมันคาถาแฟลร์ของอาร์คเมจ (Arch-Mage) (นักเวทย์ขั้นสูง) นิ!! พลังระดับเดอะ เลกะซีส์ เลยด้วย!!” สเวนเซอร์ร้องตะโกนด้วยความตกใจ หลังเห็นระเบิด “ทหารทุกหน่วย!! ไปที่หอแห่งความรู้!! ไอ้สองคนนี้มันเป็นนกต่อมาถ่วงเวลาเราด้วยคาถาพลางตา ทุกหน่วยมุ่งไปที่ราชวัง!! หอแห่งความรู้ถูกโจมตี!!”