ตอนที่ 4 ผู้มาเยือนจากแดนไกล

by thesolfaith

“เคลโมเรียน ปิดระบบทำงาน”

“*ตี๊ดดด* …ตรวจสอบคลื่นเสียง… *ตี๊ดด* …ไอดี 0035 เจ้าหญิงเอมิลี่ แอมิที (Emily Amity) …สแกนสิ่งมีชีวิตในอาคาร… *ตี๊ดด* …ไอดี 0035 เจ้าหญิงเอมิลี่ แอมิที *ตี๊ดด* ไอดี 0036 เจนาเรีย เอเมอรอล (Janeria Emerald) … 0035 เป็นออธอไรซด์ไอดี (Authorized ID) … ระบบเคลโมเรียน Library Complex นูทรอลเลีย ปิดระบบทำงาน”

*ฟุว..ว..ว* เสียงคอมพิวเตอร์ดับดังทั่วอาคารมัลไทคอมเพล็กซ์ (Multi Complex) (สิ่งก่อสร้างที่ประกอบด้วยอาคารหลายอาคาร) ที่เรียงตัวกันเป็นวงกลมล้อมรอบหอคอยหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสุดของปราสาทนูทรอลเลีย

หอสมุดนูทรอลเลียประกอบด้วยอาคารหลายอาคารเชื่อมต่อกันเป็นรูปวงกลม เริ่มที่อาคารแรกที่เรียกกันว่า อาคารรับรอง มีความสูงน้อยที่สุดเป็นตึก 2 ชั้น ตั้งอยู่ประมาณ 4 นาฬิกาของ Library Complex (อาคารหลายอาคารรวมตัวกันเป็นหอสมุด) แล้วเรียงตามเข็มนาฬิกาด้วยอาคารที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหอที่สูงที่สุด (40 ชั้น) ตั้งอยู่ที่ 12 นาฬิกา ของ Library Complex มีนาฬิกาบอกเวลาอยู่ใจกลางหอ เหมือนหอนาฬิกาบิ๊กเบนของลอนดอน เพียงแต่หอนี้มีสีขาว ยอดหลังคาแหลมสีเหลือง มีลวดลายสีเหลือง หน้าต่างสีฟ้าใส ส่วนอาคารทั้งหมดของ Library Complex ก็มีการใช้สีโทนเดียวกันกับหอนาฬิกา คือตัวอาคารสีขาว อาคารส่วนใหญมี่หลังคาสีเหลือง บางอาคารมีหลังคาสีฟ้าใสหรือส้มอ่อนๆ

อาคารถัดจากหอนาฬิกาไปทางขวาเริ่มมีความสูงน้อยลง เรียงกันไปจนเกือบจรดกับอาคารรับรอง เว้นเป็นระยะทางเดินสู่หอคอยที่ Library Complex ล้อมไว้

หอคอยนี้มีความสูงครึ่งหนึ่งของหอนาฬิกา เป็นที่อยู่อาศัยขององครักษ์ และคนงานในวังบางส่วน

เพราะตอนนี้เป็นเวลา 23:50 นาฬิกา หอสมุดเลยถูกปิดบังด้วยความมืด แต่ถ้าเป็นเวลากลางวันที่มีแสงส่อง หอสมุดนูทรอลเลีย จะเรืองระยิบระยับด้วยการใช้สีขาว ฟ้าใส เหลือง ส้มอ่อน อย่างลงตัวของผู้ออกแบบ

“ไม่นะเพคะองค์หญิง ถ้าปิดเคลโมเรียนแล้วเราจะไปมาในหอสมุดอย่างไรเพคะ”

“ถ้าไม่ปิด แล้วเดินผ่านประตูรับรองนี้ไป ไฟทั้งอาคารก็เปิดจ้าหมดน่ะสิ” เจ้าหญิงตอบเจนาเรีย พลางใช้กุญแจในมือคลำหารูกุญแจของประตูใหญ่บานคู่ในความมืด

*แอ๊ด* ประตูบานขวาถูกผลักเปิดแง้มพอให้ร่างของเด็กหญิงสองคนผ่าน

เจนาเรียเดินคลำทางในความมืดไปที่แผงคุมขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าประตู “เราจะไปอาคารไหนเพคะองค์หญิง?”

“เคลโมเรียนปิด เราจะใช้ระบบหลอดแก้วขนส่งได้ยังไงละเจนา เราต้องเดินเท้าเข้าไปเอง”

เจนาเรียอ้าปากค้าง หันควับมาที่เจ้าหญิง “ห๊าา…!!”

—▒▒▓▓—

ที่ใจกลางนูทรอลเลียเป็นลานน้ำพุที่มีน้ำพุสีฟ้าพุ่งขึ้นมาจากพื้นเหมือนแสงเลเซอร์ เพราะน้ำพุนั้นให้พลังโดยคริสตอลสีฟ้า (Blue Crystal) น้ำเลยมีสีระยิบระยับเหมือนประกายเพชร รอบๆลานน้ำพุมีม่านควันสีแดงให้พลังงานโดยคริสตอลสีแดง (Red Crystal) ถ้าคนที่ตัวเปียกเดินผ่านเสื้อผ้าจะแห้งในทันที

เวลา 23:55 นาฬิกา ในลานน้ำพุมีชายในชุดเกราะสองคนยืนดูความเรียบร้อยของเหล่าผู้คนมากมายที่ยังส่งเสียงซื้อขายของกันอย่างไม่ลดละ

*แซ่ด แซ่ด* ทหารคนหนึ่งเริ่มพูดขึ้น “ท่านสเวนเซอร์ เราจะไปตรวจความเรียบร้อยของทหารลาดตระเวนหน่วยไหนต่อขอรับ”

*เคร้ง เคร้ง* เสียงชุดเกาะขององครักษ์สเวนเซอร์กระทบกันขณะที่สเวนเซอร์เริ่มออกเดิน พลางเอ่ยกับทหารข้างกาย “ถ้าฉันเป็นผู้ก่อการร้ายนะ ฉันคงจะเลือกกำแพงแถวหอสมุดเป็นทางลอบเข้าวัง”

“ทำไมท่านสเวนเซอร์ถึงคิดเช่นนั้นขอรับ”

“ก็หอสมุดเป็นส่วนของวังที่คนนอกสามารถเข้าออกไปมาได้ ลอบผ่านกำแพงก็ไม่ต้องโดนเคลโมเรียนตรวจสอบที่ประตูทางเข้า แล้วก็สามารถหลบในฝูงชนที่มาใช้หอสมุดได้”

ทหารติดตามทำหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย “..แต่ถ้ากำแพงถูกเจาะเคลโมเรียนก็จะร้องเตือนคนในวังสิขอรับ”

“แล้วถ้าผู้ก่อการร้ายมีคลาส (Class) (อาชีพ) เป็นวันเดอร์เรอร์ (Wanderer) (นักเดินทาง) ที่สามารถหยุดการทำงานของเคลโมเรียนได้ครู่หนึ่งล่ะ”

“ถ้าเคลโมเรียนหยุดทำงานครู่นึงคนในวังก็ต้องรู้สิขอรับ” ทหารติดตามเถียงด้วยเหตุผล

“แล้วถ้าเป็นคืนเมื่อวาน ที่พวกเราเข้านอนเร็วเพื่อเก็บแรงมาลาดตระเวณคืนนี้ล่ะ ทหารทุกคนหลับเอาแรงแบบนั้น เคลโมเรียนหยุดทำงานไปสิบนาทีคงไม่มีใครสังเกต และถ้าเจาะรูไว้ แล้วใช้คาถาพลางตาของคลาสอิลลูชั่นนิสท์ (Illusionist) (นักมายา) ก็คงไม่มีใครรู้หรอก ว่ามีรูอยู่ที่กำแพง”

ทหารติดตามยืนครุ่นคิดอยู่ครู่นึง แล้วเอ่ย “ไม่นะขอรับ กระผมว่าท่านสเวนเซอร์คิดมากไปขอรับ”

“นั่นน่ะสินะ” สเวนเซอร์หันหลังแล้วออกเดินมุ่งหน้าไปที่ราชวังทางทิศเหนือ “แต่กันไว้ดีกว่าแก้ จิม (Jim) นายมากับฉัน”

*เคร้ง เคร้ง เคร้ง* จิม ทหารติดตาม เริ่มต้องวิ่งเหยาะๆ เพื่อตามองครักษ์สเวนเซอร์ที่เดินอยู่ด้านหน้า “ท่านสเวนเซอร์ ถ้าอย่างนั้น.. ให้กระผมเป็นคนไปเชคการทำงานของทหาร แล้วท่านสเวนเซอร์ไปตรวจแถวหอสมุดคนเดียวดีกว่าไหมขอรับ?”

“ไม่— นายเป็นอิลลูชั่นนิสท์ มีแต่นายที่ปลดคาถาพลางตาได้” *เคร้ง เคร้ง เคร้ง*

ระหว่างที่สเวนเซอร์กับจิมกำลังมุ่งหน้าสู่ราชวังด้วยความเร็วสูงนั้น ก็มีทหารอีกนายหนึ่งบินมาแต่ไกลด้วยพลังลมที่กดดันเป็นเกลียวรอบตัว

*ฟวีว..วว* “แย่แล้ว ท่านสเวนเซอร์!!” ทหารพลังลมร้องตะโกน “ที่หน่วยเวสท์เกทมีรายงานเข้ามาว่าพบชายปริศนาสามคนในเสื้อคลุมยาว จับกลุ่มวางแผนกัน แล้วดูเหมือนมีคนหนึ่งยกตัวเองขึ้นด้วยพลังเอเลเมนท์ลมขอรับ ตอนนี้หน่วยเวสท์เกทกำลังติดตามอยู่ห่างๆ”

“บ้าชะมัด! มันมากันจริงๆ ด้วย” สเวนเซอร์กัดฟัน “จิม นายไปเชคที่หอสมุด แล้วรีบกลับมาทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของทหาร”

“ขอรับ” จิมตอบ ก่อนจะร่าย รีลีซ ปล่อยพลังลมออกมายกตัวเองแล้วบินไปทางราชวัง

สเวนเซอร์หันหลังให้จิมและราชวังที่เห็นอยู่แต่ไกล แล้วออกคำสั่งกับทหารที่ลอยตัวอยู่ข้างๆ “พาฉันไปจุดนั้น เร็ว!”

—▒▓▓▓—

เวลา 0:03 น. เหนือน่านน้ำทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมหานครนูทรอลเลีย มีเรือเหาะลำหนึ่งกำลังลอยเข้ามาในเขตเคโมสเฟีย ในเรือเหาะ ที่ห้องควบคุมมีชายหนุ่มอายุประมาณ 15 ปี เป็นฝรั่งผมบลอนด์ จมูกโด่ง หน้าตาหล่อเหลา มีร่างกายกำยำเหมือนนายแบบ สวมชุดเครื่องแบบทหารสีแดงสด มีผ้าคลุมหลังสีเหลืองทองยาวเกือบน่อง ยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าจอมอร์นิเตอร์จอใหญ่ ด้านหลังมีผู้คนวิ่งทำงานยุ่งวุ่นวาย

*วิ้งง* เสียงภาพทหารในชุดเกราะของนูทรอลเลียปรากฎบนจอมอร์นิเตอร์ “กระผม นายทหารจากหน่วยควบคุมเคโมสเฟีย ขอสั่งให้ท่านปิดเคโมสเฟียของเรือท่านด้วย ขอรับ”

“ปิดเคโมสเฟีย” ชายฝรั่งหล่อเหลาในเครื่องแบบออกปากสั่ง

*วูบบ..บ.บ* เคโมสเฟียของเรือเหาะค่อยๆ จางหายไป

แล้วก็มีเสียงดังมาจากจอมอร์นิเตอร์ “*ตี๊ดดด* เคลโมเรียนเคโมสเฟียนูทรอลเลีย .. ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ได้รับการลงทะเบียนในเคโมสเฟีย *ตี๊ดด* เรือเหาะรุ่นที่ 3 ลงทะเบียนเป็นของอาณาจักรครีอุส … ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต *ตี๊ดด* เจ้าชายเกรอลด์ ครีอุส (Gerald Crius) *ตี๊ดด* องครักษ์ซิเซเลีย ฮันเตอร์ (Ciseria Hunter) *ตี๊ดด* …..”

*ครืนนน* เสียงเรือเหาะลอยอยู่กับที่ เหนือน่านน้ำนูทรอลเลีย

หญิงอายุ 20 ต้นๆ มีผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลัง อยู่ในชุดรัดรูปสีดำมีลายเป็นแสงไฟสีเขียว แลดูเหมือนมาจากหน่วยลับของอเมริกา เดินมาคุกเข่าด้านหลังชายผมบลอนด์ในเครื่องแบบสีแดง

“องค์ชายเกรอลด์ เรามีทหารเกือบร้อยนายบนเรือ.. เคลโมเรียนคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตรวจสอบลงทะเบียนพวกเราเสร็จ องค์ชายไปพักผ่อนด้านในเถอะเพคะ”

เจ้าชายไม่หันมาตอบ แต่เดินสาวเท้าช้าๆ มือยังคงไพล่หลัง ผ้าคลุมยาวปลิวสะบัดตามท่าเดิน “‘สิบสอง’ มายังโลก…จากโลก” เจ้าชายพูดพลางเดินสาวเท้าอย่างไร้จุดหมาย “ทำร้ายสันติเพื่อความถูกต้อง… ธรณีร่ำไห้.. ราษฎรร่ำร้อง… จากสิบสองเป็นแปด … แต่กลียุดยังดำเนิน… แต่วันหนึ่ง ‘แปด’ จะมาบรรจบอีกครั้ง แม้เพียงชั่วขณะ— เดอะ เลกะซีส์ (The Legacies) (มรดก) ..แล้วโลกจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยการกระทำเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง.. แต่ด้วยความรัก ศรัทธา และความหวัง— …จากแปด— เป็นศูนย์…

หญิงที่คุกเข่าอยู่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าชาย “นั่นมันคำทำนายโบราณจากเกาะโซโนวา (Sonova Island) นิเพคะ”

เจ้าชายหันมาหาหญิงคนนี้ช้าๆ แล้วเอ่ยถาม “ข้าเพิ่งเรียนเรื่องคำทำนายนี่จากครูในวังก่อนออกเดินทางมาที่นี่… ซิลเลีย เจ้ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคำทำนายนี่?”

“อ..เอ่อ..” ซิเซเลียตอบอย่างตะกุกตะกัก “หมะ..หม่อมฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับวิชาประวัติศาสตร์เท่าไรนักเพคะ”

“*ตี๊ดด* ลงทะเบียนเข้าเมืองเสร็จสิ้น *ตี๊ดด*” เสียงดังมาจากจอมอร์นิเตอร์ ก่อนที่ทหารในจอจะทำท่าทำความเคารพแล้วพูด “ยินดีต้อนรับสู่มหานครนูทรอลเลียพะยะค่ะ องค์ชายเกรอลด์ … พระราชาทรงมีรับสั่งให้นำเรือเหาะมาเทียบจอดที่หลังพระราชวังพะยะค่ะ”

“เดินหน้า” เจ้าชายเกรอลด์หันไปสั่งทหารที่วิ่งวุ่นอยู่ด้านหลัง แล้วหันมาพูดกับซิเซเลีย “ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจน— ว่าเมื่อประมาณศตวรรษที่แล้ว ‘สิบสอง’ นั้น ..ได้มาปรากฎตามดั่งคำทำนาย..”

—▓▓▓▓—

ค่ำคืนนี้แสนจะยาวนาน นูทรอลเลียยังแออัดไปด้วยผู้คน

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอีสท์เกท (East Gate) นอกเคโมสเฟียของนูทรอลเลีย มีเงาของชายสองคนในความมืดยืนประชันหน้ากัน เหมือนคาวบอยสองคนที่กำลังจะดวลปืนกัน รอบๆ เป็นทุกกว้าง มีพันธุ์ไม้นานาชนิดขึ้นเป็นหย่อมๆ  เพราะเป็นตอนกลางคืนเลยไม่ค่อยมีทหารไอออสออกมาเก็บเลเวล (Level) กับมอนสเตอร์

มีเสียงแผ่วๆ ดังมาจากสถานีอีสท์นูทรอลเลีย (East Neutralia) ที่เห็นเงาอยู่ไกลๆ “*ที โด♪ มี เร♪ โด ที♪โด* ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เมืองหลวงนูทรอลเลีย มหานครแห่งสันติ ขณะนี้เวลา 0:30 นาฬิกา ชาวเมโมเรียน….”

ในคืนเดือนมืดคืนนี้ ที่ทุ่งนอกเมืองจุดนี้มีแค่แสงไฟริบหรี่จากสถานีอีสท์นูทรอลเลียที่อยู่สุดสายตา กับแสงจากดาบเลเซอร์สีน้ำเงินของหนึ่งในชายสองคนในความมืด ชายสองคนนี้ยังคงยืนจ้องกันในความเงียบ เงาของชายที่อยู่ตรงหน้าชายถือดาบเลเซอร์เป็นเงาคนหนุ่มที่มีปีกที่หลังดั่งปีกนกอินทรีย์

อีรอส (Eros) แกมาทำอะไรที่นี่!! หรือว่าจะมาล้มข้อตกลงที่ทำไว้กับไอออส!!” ชายดาบเลเซอร์ตะคอกแล้วชี้ดาบไปที่อีรอส

“หึหึหึ… ใจเย็นๆ นักรบยอห์น…” อีรอสพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางก้าวเท้าเข้าหานักรบยอห์น

*ฟวิ้ง! ฟวิ้ง!* เสียงฟันของดาบเลเซอร์ “อย่าเข้ามา!!!”

อีรอสหยุด แล้วยิ้มหัวเราะ “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ… นักรบยอห์น … ข้อตกลงห้ามไม่ให้พวกเราทำร้ายเมโมเรียน กับห้ามไม่ให้เข้าไปในเขตเคโมสเฟียของเมืองในมิดมาเรีย— ไม่เห็นจะมีบอกสักคำเลยว่าห้ามไม่ให้พวกเรามาเดินเล่นนอกเมือง จริงไหม? หึหึหึ..”

“แก!!” ยอห์นตะคอกด้วยความโกรธ “แกมาทำอะไรที่นี่!!”

“นักรบยอห์น… เจ้านี่โชคดีจริงๆ นะ— ที่— … รอดมาจากเกาะโซโนวาได้”

“รีลีซ!!” ยอห์นร่ายคาถาด้วยสีหน้าแดงก่ำ แล้วกระโจนฟันอีรอสด้วยความเร็ว *เฟี้ยวว!!*

*ซ่าา ตูมมม!!* เสียงเหมือนคลื่นซึนามิซัดบ้านเรือน

*พับ พับ* ยอห์นที่อยู่ในท่าสวิงดาบเงยหน้าขึ้นมองอีรอส ที่บินหลบเพลงดาบวารีของยอห์น มีเงาขนนกประมาณ 10 ขน ค่อยๆหลุดล่วงลงมาที่พื้น

“อีรอส!! แกมาที่นี่เพื่ออะไร!!” ยอห์นกระแทกเสียง พร้อมตั้งท่าดาบท่าใหม่

*พับ พับ* อีรอสค่อยๆ บินลงพื้น “ข้าไม่ได้มาเพื่อฆ่าใคร นักรบยอห์น… หึหึหึ ข้าเชื่อในความรัก นักรบยอห์น…”

“หึ! เชื่อในความรักรึ!? แล้วผู้คนที่โซโนวาละ!! แล้วท่านเอออน (Aion) ล่ะ!! พวกแกจะต้องฆ่าคนบริสุทธิ์อีกเท่าไรถึงจะพอใจ!!!”

“หึหึ— ฮ่าฮ่าฮ่า!!” เสียงหัวเราะของอีรอสดังลั่นทุ่งหญ้านอกนครนูทรอลเลีย “เจ้า.. ยังพูดอะไรถูกใจข้าเหมือนเดิมนะ… หึ..! ใจเย็นๆ นักรบยอห์น… เราสองคนสู้กันไป ก็คงไม่มีใครชนะหรอก อีกอย่างที่ข้ามาที่นี่— ก็แค่อยากจะมาดู— แล้วก็…”

“…” ยอห์นกำดาบแน่น ฝนเริ่มตกปรอยๆ น้ำฝนลอยมาหมุนรอบดาบเลเซอร์ของยอห์น

*แกรบ แกรบ* เสียงอีรอสเดินเหยียบหญ้าด้วยเท้าเปล่า “เดอะ เลกะซีส์ …เจ้าเองก็รู้นิ— วันที่ ‘แปด’ จะมาบรรจบกัน …ถ้าข้าไม่มาเป็นตัวแทนให้พวกข้า มันจะมีครบแปดได้ไงละ นักรบยอห์น.. หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า!!”

“…”

*พับ พับ* ปีกของอีรอสค่อยๆกระพือยกร่างของเขาลอยขึ้น “อย่าฝืนคำทำนายเลย นักรบยอห์น … อ้าแขนรับมันดีๆ เถอะ— หึหึหึ” *พับ พับ* อีรอสบินหายไปในความมืด

ยอห์นยังคงตั้งท่าดาบ ในใจคิดถึงคำพูดของอีรอสเรื่อง เดอะ เลกะซีส์

ฝนหยุดตกในทันใด น้ำที่หมุนรอบดาบของยอห์นสาดเทลงบนพื้นหญ้า *ซ่าา..าา*

มีเสียงดังมาแต่ไกลในความมืด “หึหึหึ.. ครั้งต่อไปที่เราพบกัน จะต้องมีใครคนหนึ่งจากโลกนี้ไป— จนกว่าจะพบกันใหม่.. วันเดอร์เรอร์ ยอห์น เคลโมเรียน (John Kel-Morien) …”