ตอนที่ 2 เดอะคอนทิเนนทอล

by thesolfaith

ทุกสถานีของเดอะคอนทิเนนทอลใช้แปลนก่อสร้างแบบเดียวกัน คือเป็นตึกใหญ่สองชั้น หลังคาสูง โค้งเป็นครึ่งวงกลม ออกแบบให้เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าสองชั้น มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเกินเทคโนโลยีของชาวมิดมาเรีย เช่น ที่นั่งสามารถพับเก็บลงพื้นและพับขึ้นกลับมาเป็นที่นั่งได้ด้วยการกดสวิตช์ โดยระบบทั้งหมดใช้พลังงานคริสตัลสีขาวและสีเหลือง ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดที่สุดในโลก ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า เคลโมเรียน (Kel-Morian)

นาวากำลังตะลึงกับตู้ขายอาหารที่ฝังเรียงรายตามผนัง ที่เห็นแว๊ปแรกนาวาคิดว่าเป็นตู้ขายน้ำอัดลม แต่จริงๆ แล้วอีกฝั่งของผนังหลังตู้เป็นห้องครัว พอคนครัวทำอาหารเสร็จก็วางใส่รอกเลื่อนผ่านออกตู้ขาย

“พ่อ! ผมต้องเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วละ— กดเลือกเมนู หยอดเหรียญ แล้วได้อาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ออกมา” นาวาพูดอย่างตื่นเต้น

*ตึง* เสียงเหมือนประตูปิดดังมาจากทางด้านขวามือของนาวา

“พ่อทำอะไรอะ?”

*เคร้ง เคร้ง* เสียงเหรียญเงินหล่น ดังมาจากเครื่องอะไรสักอย่างที่ฝังอยู่ที่ผนัง

“นาวา ถ้ากินเสร็จแล้วก็เอาจานมาใส่เครื่องล้างจานนี่ด้วยนะ มันมีระบบเซนเซอร์ ถ้าเราเอาจานกับช้อนส้อมมาใส่คืน เราจะได้เงินกลับมา 1 โฮล (whole)(สกุลเงิน)” มิสเตอร์นาร์สทสั่งนาวา แล้วก้มลงไปหยิบเหรียญเงินจากช่องด้านล่างของเครื่องล้างจาน

นาวาทานอาหารด้วยความตื่นเต้น ห้องอาหารที่มีโต๊ะเก้าอี้ที่เก็บพับลงพื้นได้ มีตู้ขายอาหาร กับเครื่องล้างจานมากมายติดผนังเป็นแถวสวยงาม ทั้งตึกให้แสงสว่างด้วยคริสตอลสีเหลืองเป็นสีเหลืองนวลๆ ตัวตึกเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีหุ่นยนต์ไฮเทคที่มีรูปร่างเหมือนโคมไฟทรงกระบอก ลอยไปมาทำความสะอาดพื้นโดยฉายลำแสงคริสตอลดูดสิ่งสกปรกจากที่ต่างๆ — เหมือนเป็นภาพจากหนัง Sci-fi ที่นาวาไม่เคยคิดฝันมาก่อน

ระหว่างที่นาวากำลังใส่จานที่กินเสร็จแล้วเข้าไปในเครื่องล้างจาน ก็มีเสียงดนตรีดังสะท้อนไปมาในสถานีที่ออกแบบมาให้เสียงเพลงกึกก้องกังวาลเหมือนเสียงเพลงบรรเลงบนสวรรค์ “*ซอล ♪♪โด ♪โด♪♪— ลา♪ ฟี ♪ซอล♪♪— ฟา♪ เร♪ โด♪♪* เรียนท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางกับคอนทิเนนทอลรอบ 17:30 นาฬิกา รถไฟจะออกเดินทางภายใน 5 นาที”

*หมับ* พ่อนาวารีบจับมือนาวาและออกเดิน

นาวาที่โดนพ่อดึงมือและอีกมือลากกระเป๋า เดินตามพ่อด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “แต่… แต่ พ่อ ผมอยากจะเข้าไปดูห้องน้ำ ว่ามันจะไฮเทคขนาดไหน”

—░▒▓▓—

“ตายซะเถอะ!! เจ้าแคเทอร์พิลเลอร์ (Caterpillar)(ชื่อมอนสเตอร์) เจอนี่ซะ! ท่าไม้ตายอัคคีพิฆาต!!” *ฟวูว ฟวูว* เด็กชายคนหนึ่งแกว่งดาบของเล่นไปมาอย่างไม่เป็นงาน “เดสทรอยยา!!! วะฮ่ะฮ่ะฮ่า!! ..! เจ้า! ในที่สุดก็ออกมาจนได้นะ เจ้ามอนสเตอร์บอสโคดเอส (Code S) —มา!!! แล้วจะรู้ว่าไผเป็นไผ!!”

*ฟวูว ฟวูว* เด็กชายท้วมๆ หน้าออกจีนนิดๆ คนนี้ แกว่งดาบของเล่น พร้อมกับหมุนตัวอยู่คนเดียว สายตาดูจริงจัง

*โครงงง แอ๊ด* เสียงกดชักโครกตามด้วยเสียงเปิดประตูดังขึ้น

“เจ้าร้ายกาจมาก งั้นต้องเจอสกิลใหม่ของข้า สปินเบลด!!”

*ฟวูว ฟวูว โป๊กกก*

“โอ๊ยย!!! อะไรของนายเนี่ย มาตีหัวเราทำไม นายมาแกว่งดาบอะไรหน้าห้องน้ำท้ายขบวนเนี่ย!!” เด็กชายผู้เคราะห์ร้ายร้องโวย ทำหน้างุนงงหลังจากโดนตีหัวขณะกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ

“อ่ออ… ขอโทษทีไอ้หนู พอดีข้ากำลังฝึกวิชาเพื่อไปต่อสู้กับมอนสเตอร์อยู่น่ะ”

“..!! นายเป็นนักรบจากต่างทวีปเหรอเนี่ย!?”

เด็กชายท้วมนักดาบยืดอกอย่างภาคภูมิ พร้อมเปิดปาก “ใช่แล้วไอ้หนู ข้าเป็นนักดาบจากแดนไกล มีนามว่า ลอร์ดคาห์เนิร์ล ! (Kahnerl)”

“ล..ลอร์ดคาห์เนิร์ล??” เด็กชายผู้เคราะห์ร้ายเริ่มถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ นายเองก็ดูอายุเท่าๆ เรานะ มีนักรบที่อายุน้อยขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย? เอ้อ..! ตอนอยู่ที่เมือง พวกคนต่างแดนมักจะโชว์พลังเวทย์มนต์ให้เราดู บ้างก็เป็นไฟ บ้างก็เป็นน้ำ ลม ดิน —นายโชว์พลังของนายให้เราดูทีนะ นะ”

“อ..เอ่อ.. จ..จริงๆ แล้ว…” ลอร์ดคาห์เนิร์ลเอ่ย พลางกรอกสายตาเป็นวงกลมหลายรอบ “จริงๆ แล้ว …จริงๆ แล้วเราเป็นชาวมิดมาเรีย”

“อ้าว!?”

“แต่เดี๋ยวก่อน!! คอยดูเถอะ.. สักวันหนึ่งเวลาเราโตขึ้น เราจะเป็นนักรบไปสู้กับมอนสเตอร์!!” ว่าแล้วเด็กชายนักดาบก็ชูดาบของเล่นอย่างมั่นใจเหมือนแม่ทัพชูดาบเวลาชนะศึก ก่อนจะหันกลับมามองเด็กชายตรงหน้าที่ยังเอามือกุมหน้าผากตรงที่โดนดาบของเล่นตี “ว่าแต่นายชื่ออะไรรึ?? เราคาห์เนิร์ล เรียกสั้นๆ ว่า คาห์น ยินดีที่ได้รู้จัก!”

“เอ่อ.. น..นาวา เราชื่อนาวา เป็นคนนครเอเลฟ” ว่าแล้วนาวาก็เอามือที่กุมหน้าผากไปจับมือคาห์เนิร์ล ที่ยืนมือมาขอ handshake

—♠♣♥♦—

รถไฟเดอะคอนทิเนนทอลหนึ่งขบวนมีทั้งหมด 15 โบกี้ เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.5 เท่าของความเร็วเสียง คือ 4035 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถไฟทั้งคันยกเว้นด้านล่างเป็นกระจกใส ทำให้มองเห็นวิวระยะสายตาภายนอกและท้องฟ้าด้านบน ที่นั่งเป็นโซฟานุ่มสบายสีแดงทับทิมนวลๆ เรียงสลับกันไปเรื่อยๆ ตัวแรกกับตัวที่สองหันหน้าเข้าหากันจัดเป็นหนึ่งห้อง ตัวที่สามหลังชนกับตัวที่สองโดยมีไม้สีเนื้อนวลๆ กั้นกลาง และตัวที่สามหันหน้าหาตัวที่สี่เป็นอีกหนึ่งห้อง เรียงอย่างนี้ไปเรื่อยๆตามสองข้างทางเดิน มีโต๊ะสูงกำลังพอดีอยู่ระหว่างโซฟาสองตัว ใต้โต๊ะเป็นที่เก็บบอร์ดเกมส์สี่มิติหลายชนิดให้เอาออกมาเล่น โบกี้นึงมีโซฟา 36 ตัว

มีหุ่นยนต์โคมไฟเหมือนที่สถานีคอนทิเนนทอล ลอยทำความสะอาดด้วยระบบ motion-sensor ขั้นสูงของคอมพิวเตอร์เคลโมเรียน เพราะรถไฟก็ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เคลโมเรียนเหมือนกับอาคารสถานี

เคลโมเรียนใช้ระบบเซนเซอร์ INS (Integrated Neuron System) ทำให้สามารถรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับวัตถุในอาคาร เหมือนทุกอย่างในอาคารเป็นร่างกายของเคลโมเรียน

แต่ละโบกี้มีห้องน้ำด้านท้าย 4 ห้อง ห้องน้ำไม่ใหญ่มาก ใช้ระบบ INS ทำความสะอาดตัวเอง โบกี้สุดท้ายนั้นยาวเป็นพิเศษ เพราะท้ายขบวนมีห้องน้ำ 16 ห้อง และกว้างพอที่คนจะยืดเส้นแกว่งแขนไปมาโดยไม่ต้องสนใจว่าจะไปโดนหัวใคร

แต่ก็ตรงนี้แหละ ที่คาห์เนิร์ลแกว่งดาบไปฟาดนาวา

“นายเองก็มาจากนครเอเลฟเหมือนกันเหรอเนี่ย? เราไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลย สงสัยจะไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน” นาวาพูดพลางยืดเส้นสายและมองทิวทัศน์ท้ายขบวนรถไฟ

“เราไม่ค่อยได้เข้าไปในตัวเมืองเท่าไรนัก” คาห์เนิร์ลตอบ แล้วเอ่ยถาม “แต่ก็นะ— นี่นายขึ้นเดอะคอนทิเนนทอลจะไปไหนรึ?”

“พ่อเราได้เป็นตัวแทนของเมืองให้ไปร่วมพิธีที่เมืองหลวง แล้วก็ต้องไปประชุมกับตัวแทนเมืองอื่นๆ… นายล่ะ?”

“อ้อ..” คาห์เนิร์ลเอ่ย พลางก้มลงนั่งขัดสมาธิ หันหน้าไปทางท้ายขบวน “เราก็จะไปเที่ยวกับครอบครัวที่นูทรอลเลีย เพราะน้องสาวเราขอร้องพ่อกับแม่ให้พาไปดูพิธีหมั้น”

*ควับ* นาวาหันมามองคาห์เนิร์ลอย่างหุนหัน “งั้นนายก็เป็นพวกคนรวยนะสิ! มีเงินพอซื้อตั๋วเดอะคอนทิเนนทอลทั้งครอบครัว ..นายเองก็เป็นพวกคนรวยที่เห็นแก่ตัว!!”

“โว้ว โว้ว! อะไรกัน!?” คาห์เนิร์ลอุทานด้วยหน้างงๆ แล้วเริ่มปริปากตอบอย่างใจเย็น “ก็ไม่รวยหรอก —ที่บ้านก็พอมีพอกิน ..ไม่ได้มีมากโขอะไร… ..นี่ นาวา.. ที่นายพูดมันผิดนะ —ใช่ว่าคนรวยทุกคนจะเห็นแก่ตัว”

“เฮอะ!” นาวาทำเสียงไม่พอใจที่โดนสอน

—♠♣♥♦—

*เฟี้ยยว* รถไฟเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกินเสียงผ่านภูมิประเทศภายนอกที่เป็นทะเลทราย

“*♪โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด♪*” เสียงสเกลดนตรีดังขั้นทั่วขบวนรถไฟ “ขณะนี้เวลา 18:00 นาฬิกา เราจะถึงสถานีมิดนิสทรัม(Mid-Nystrum)ในอีกครึ่งชั่วโมง —ท่านผู้โดยสารที่มีความต้องการจะลงที่สถานีมิดนิสทรัมกรุณาเตรียมสัมภาระให้พร้อมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“มิดนิสทรัม??” นาวาเอ่ยด้วยความสงสัย

“มิดนิสทรัมก็แปลว่าเรามาได้ครึ่งทางแล้วไง —แผ่นดินนิสทรัมยาวเกือบ 3 หมื่นกิโลเมตรเชียวนะ รู้บ้างรึเปล่า?” คาห์เนิร์ลตอบด้วยความมั่นใจในความรู้

“ไม่อะ— เราไม่รวยนินา จะรู้เรื่องโลกภายนอกได้ไง”

“โอ้ย!!” คาห์เนิร์ลอุทาน “มันไม่ใช่เรื่องรงรวยอะไรเลย ที่โรงเรียนก็สอน ในห้องสมุดก็มีหนังสือเยอะแยะให้อ่านให้ดูรูป เลิกประชดประชัน แล้วแยกแยะให้ออกสักทีเหอะ”

“เฮอะ” นาวาทำเสียงไม่พอใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้น้ำเสียงออกเศร้าๆ “ก็… เราไม่อยากเห็นในหนังสือนินา… เรากลัวตัวเองจะทนไม่ได้ …กลัวว่ายิ่งเห็น ก็จะยิ่งปรารถนา ยิ่งถ้าได้เห็นภาพในหนังสือ ในทีวี แล้วในชีวิตไม่มีโอกาสได้เห็น ได้สัมผัส… กลัวว่ามันจะน่าเศร้าเกินไป..”

ในวินาทีนั้นบรรยากาศเกิดเงียบไปในทันที

คาห์เนิร์ลเอื้อมมือไปตบไหล่นาวาช้าๆ “เราเข้าใจดี —สำหรับเราเอง หลายคนบอกว่าเราติ๊งต๊อง.. เวลาเราซ้อมต่อสู้ ..เวลาเราบอกคนอื่นว่าเราจะเป็นนักรบเมื่อโตขึ้น คนอื่นก็มักจะดูถูก บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ..บ้างก็ว่าใครช่วยปลดปล่อยไอ้เด็กคนนี้จากฝันลมๆ แล้งๆ สักทีเหอะ… แต่เราไม่แคร์หรอก หัวใจเราร้องหาถึงอิสรภาพ —อิสรภาพในโลกภายนอกเคโมสเฟีย… เราเข้าใจนายดี”

“หึหึหึ” นาวาหัวเราะเบาๆ

“เฮ้ย มีอะไรน่าขำเนี่ย!?”

“หึหึหึ ก็นายติ๊งต๊องจริงๆ นะสิ!” นาวาหัวเราะ

“เฮอะ!!” คาห์เนิร์ลทำเสียงไม่พอใจ “งั้นเราจะไม่เล่าให้นายฟังแล้ว เรื่องข้อมูลเมือง กับมอนสเตอร์ กับนักรบนอกทวีปที่เราเฝ้าศึกษามาหลายปี!”

นาวารีบกลั้นหัวเราะ “เฮ้ย.. ไม่ๆ ล้อเล่งหน่า อย่าโกรธเราดิ —เล่าให้เราฟังต่อเถอะ นะนะ… นะ คุณท่านนักดาบปราบโดคเอสมอนสเตอร์ลอร์ดคาห์เนิร์ล”

“แหมะ.. เรียกซะเต็มยศยังงี้ก็คงต้องเล่าต่อละ” คาห์เนิร์ลพูดเขิลๆ